ฉีดสิว คืออะไร และมีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง

ฉีดสิว

สิวเป็นปัญหาผิวพรรณที่ทำให้หลายคนรู้สึกกังวลและขาดความมั่นใจได้ การฉีดสิวเป็นวิธีหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมและมีให้บริการตามสถานเสริมความงามหลายแห่ง เพราะช่วยรักษาสิวและปัญหาผิวพรรณอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำง่าย และค่อนข้างปลอดภัย

ฉีดสิว คืออะไร

ฉีดสิวคือ การฉีดสเตียรอยด์เข้าไปในตำแหน่งที่เป็นสิวอักเสบ เพื่อลดการอักเสบอย่างรวดเร็ว ถือเป็นการรักษาเสริมสำหรับสิวที่ได้รับความนิยม เพราะช่วยให้สิวยุบได้เร็วกว่าการทายาตามปกติ

หากต้องการฉีดสิวจึงควรปรึกษาแพทย์และศึกษาข้อมูลโดยละเอียด ตลอดจนเรียนรู้วิธีดูแลผิวหลังเข้ารับการฉีดสิวอย่างถูกต้อง เพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการรักษาอย่างสูงสุดค่ะ

การฉีดสิวได้ผลกับสิวประเภทไหน

ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจว่า การฉีดสิวไม่สามารถใช้ได้กับสิวทุกประเภท โดยสิวที่สามารถใช้วิธีนี้ได้ก็คือสิวที่มีลักษณะบวมแดง ที่เมื่อใช้มือคลำหรือจับจะรู้สึกเป็นไตแข็งและเจ็บหรือเป็นพวกสิวซีสต์และสิวหัวแข็งขนาดใหญ่นั่นเองค่ะ

การฉีดสิวจะช่วยให้สิวยุบตัวลงภายใน 24-48 ชั่วโมง แต่ก็เป็นเพียงแค่การลดอาการอักเสบเท่านั้นและการฉีดสิวไม่ได้ช่วยรักษาสิวให้หายขาด เนื่องจากไม่ใช่การฆ่าเชื้อโรคที่ทำให้เกิดสิว ดังนั้นสิวจึงจะไม่หายสนิท

แต่ก็มีข้อดีก็คือจะช่วยให้ไม่เกิดอาการคันจนต้องเกา เท่ากับเป็นการช่วยลดโอกาสต่อการติดเชื้อเพิ่มจากแบคทีเรียที่อาจจะติดตามเล็บขณะเกา ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้อาจจะทำให้เกิดสิวขึ้นซ้ำที่จุดเดิมหรือจุดใกล้เคียงได้อีกและหลังจากฉีดสิวแล้วยังคงต้องทายาเพื่อรักษาสิวให้หายขาด

และสามารถมาฉีดซ้ำได้ทุก 4-8 สัปดาห์ แต่สำหรับใครที่เป็นสิวหัวสีขาวหรือสิวเม็ดข้าวสารนั้นไม่แนะนำให้ฉีดอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะไม่หายแล้วยังจะทำให้หน้าเป็นหลุม เนื้อหาย และผิวหน้าไม่เรียบเนียนอีกด้วยค่ะ

การเตรียมตัวก่อนรับการฉีดสิว

หากเพิ่งหายจากอาการเจ็บป่วยใด ๆ ก็ตาม ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนรับการฉีด รวมทั้งควรปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังเกี่ยวกับยาหรืออาหารเสริมที่ต้องหลีกเลี่ยงในระหว่างนี้

นอกจากนี้ต้องหยุดใช้ยาบางชนิด เช่น ยาละลายลิ่มเลือด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ และต้องไม่รับวัคซีนต้านเชื้อไวรัสบางชนิดมาก่อนการ เช่น วัคซีนโรคหัด โรคคางทูม และโรคไข้เหลือง เป็นต้น

ฉีดสิวมีขั้นตอนการทำอย่างไร

ขั้นตอนการฉีดสิว มีดังนี้

-แพทย์จะเตรียมยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ผสมกับน้ำเกลือธรรมดาหรือยาชาเฉพาะที่เพื่อเจือจางฤทธิ์ยาสเตียรอยด์

-เช็ดทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่จะฉีดยาด้วยแอลกอฮอล์หรือน้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อให้บริเวณที่จะฉีดสะอาด

-ฉีดยาเข้าชั้นผิวหนังบริเวณที่เป็นสิว แต่จะไม่ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง เพราะเสี่ยงทำให้เกิดรอยบุ๋มที่ผิว

-แพทย์จะนัดให้ผู้ป่วยมาฉีดสิวซ้ำทุก 4-8 สัปดาห์

ข้อควรระวังในการฉีดสิว

ก่อนที่จะคิดฉีดสิวต้องปรึกษาคุณหมอให้ดีก่อนฉีดเพราะการฉีดสิวด้วยสเตียรอยด์จะทำให้เกิดผลข้างเคียงหรือเป็นอันตรายได้หากเรามีโรคประจำตัวหรือแพ้ยาก็ควรบอกให้คุณหมอทราบ

เพื่อที่คุณหมอจะได้พิจารณาว่าเคสของคุณสามารถฉีดสิวได้หรือไม่เพราะการฉีดสิวมีข้อห้ามสำหรับคนที่เป็นโรคหรือแพ้ยาบางชนิด ดังนั้นก่อนที่ตัดสินใจฉีดสิวก็ควรปรึกษาคุณหมอให้ดีเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองค่ะ

ใครที่ไม่เหมาะกับการฉีดสิว

การฉีดสเตียรอยด์อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงหรือส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพของบางคนได้ และคนที่ไม่ควรหลีกเลี่ยงการฉีดสิว มีดังนี้

-คนที่มีประวัติแพ้ยาไตรแอมซิโนโลน

-คนที่เป็นวัณโรคหรือติดเชื้อราที่ผิวหนัง

-คนที่เป็นโรคสะเก็ดเงินชนิดมีผื่นหนา ชนิดมีตุ่มหนอง หรือชนิดมีผื่นแดงและผิวลอกทั่วตัวอย่างรุนแรง

-คนที่เป็นโรคเบาหวานชนิดควบคุมอาการไม่ได้ หัวใจวาย หรือความดันโลหิตสูงอย่างรุนแรง

-คนที่เป็นโรคแผลในกระเพาะอาหาร

-มีภาวะซึมเศร้าหรือวิกลจริตอย่างรุนแรง

บุคคลที่กล่าวมาข้างต้นนี้ไม่ควรฉีดสิวเพราะจะเกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงได้ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการฉีดสิวและควรหาวิธีรักษาสิววิธีอื่นที่ปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียงกับโรคที่เราเป็นจะดีกว่าค่ะ เพราะการรักษาสิวมีหลายแบบไม่ใช่แค่การฉีดสิวค่ะ

ผลข้างเคียงของการฉีดสิว

-หลังการฉีดสิวอาจมีอาการปวด บวม ช้ำ หรือมีเลือดออก บางรายอาจมีอาการผื่นแพ้จากวัตถุกันเสียหรือแอลกอฮอล์ในตัวยา

-เกิดรอยแผลที่เป็นฝีแต่ไม่มีเชื้อ หรือเกิดการติดเชื้อจากการใช้เข็มฉีดยาไม่สะอาด

-เกิดรอยด่างสีน้ำตาลหรือสีขาว ซึ่งอาจลุกลามไปยังบริเวณผิวหนังรอบ ๆ ที่ฉีดได้ ซึ่งรอยด่างนี้อาจหายไปเองหรือไม่หายก็ได้

-อาจทำให้เส้นเลือดฝอยบริเวณที่ฉีดสิวขยายตัวผิดปกติ หรือมีขนในบริเวณที่ฉีดขึ้นดก

-อาจทำให้เกิดสิวอีกประเภทหนึ่งคือสิวสเตียรอยด์ เนื่องจากสารสเตียรอยด์จะไปเพิ่มการหลั่งโกรทฮอร์โมนที่ทำให้ต่อมไขมันผลิตไขมันออกมามากจนเกิดเป็นสิวขึ้นมา

ข้อดีของการฉีดสิว

-ทำให้สิวยุบได้แบบรวดเร็วทันใจ

-หน้ากลับสู่สภาพเดิมได้เร็ว

-ไม่ต้องทนเจ็บเพราะสิวนาน แค่ทนนิดหน่อยตอนฉีดยา และตอนกดสิวเท่านั้น

-ทำให้หน้าไม่เป็นหลุมสิว เพราะการที่ปล่อยให้สิวอักเสบนาน ๆ ยิ่งทำให้ใบหน้าเป็นหลุมเป็นบ่อ การทำให้มันยุบ จึงเป็นทางออกที่ดี

ข้อเสียของการฉีดสิว

-สิวอาจจะกลับขึ้นมาเป็นอีกได้ เนื่องจากที่ใช้สาร สเตียรอยด์ เข้าไปก็เพื่อให้สิวยุบ ไม่ได้หมายถึงว่า มันจะฆ่าเชื้อโรคให้ เพราะฉะนั้น มันอาจจะกลับขึ้นมาเป็นอีก ที่บริเวณใกล้ ๆ กันก็ได้

-ถ้าเจอคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ใช้เข็มที่ไม่สะอาด ก็อาจจะทำให้สิวอักเสบมากกว่าเดิมได้

-อาจทำให้เกิดเม็ดแข็ง ในกรณีที่เป็นที่เดิมซ้ำ ๆ ที่เดิมตลอด ทำให้ร่างกายสร้างพังผืดขึ้นมา จนเป็นไตแข็ง ทำให้รักษาได้ยากกว่าเดิมซะอีก

-ทำให้เป็นสิวง่ายกว่าเดิม ถ้าฉีดบ่อย ๆ เชื้อโรคก็จะดื้อยา แล้วก็ทำให้เราสิวขึ้นได้ง่ายขึ้น

-ในกรณีที่ใช้ในปริมาณไม่เหมาะสม ก็สามารถก่อให้เกิด รอบหลุมสิวบนใบหน้าที่เช่นกัน

การฉีดสิวมีทั้งข้อดีและข้อเสียก่อนที่จะตัดสินใจฉีดสิวก็ควรศึกษาและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ดีก่อนทำเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองค่ะ

ดูแลตัวเองหลังฉีดสิวอย่างไร

-หลังการฉีดสิวมาแล้วใช้น้ำแข็งประคบบริเวณที่ฉีดยาเพื่อบรรเทาอาการปวด

-ห้ามประคบแผลด้วยถุงน้ำร้อนหรือใช้น้ำร้อนทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่ฉีดยา

-หมั่นทำความสะอาดแผล

-เฝ้าสังเกตอาการของการติดเชื้อ เช่น อาการปวด รอยแดง บวม และอาการเหล่านี้จะอยู่นานกว่า 48 ชั่วโมง

-หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการอื่น ๆ ที่รุนแรง ให้รีบไปพบแพทย์

ฉีดสิวราคาเท่าไหร่

การฉีดสิวมีราคาที่แตกต่างกันไปตามละคลินิก บางคลินิกคิดเป็นเม็ด เม็ดละ 50-100 บาท บางคลินิกคิดเป็นครั้ง ครั้งละ 100-300 บาท และบางแห่งอาจคิดเป็นเข็ม เข็มละ 200 บาท และ 1 เข็มสามารถฉีดได้ 4-5 เม็ด

หากคุณต้องการฉีดสิวแต่อยากรู้ราคาก่อนฉีดก็ควรศึกษาหลาย ๆ คลินิกและเอาเปรียบเทียบราคาดูว่าราคาคลินิกไหนราคาเท่าไหร่และมีการใช้บริการการฉีดสิวมากน้อยเพียงใดเพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจก่อนการฉีดสิว

และก่อนการฉีดสิวขอแนะนำให้ฉีดกับหมอผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นนะคะ หากทำกับหมอที่ไม่เชี่ยวชาญอาจจะทำให้หน้าคุณพังได้ค่ะ

บทสรุป

การฉีดสิวเป็นวิธีที่ช่วยให้สิวยุบเร็วก็จริงแต่การใช้ยาฉีดมากเกินไปก็อาจทำให้หน้าเป็นหลุมสิว หรือถ้าน้อยเกินไปก็จะทำให้การรักษานั้นไม่ได้ผลก่อนที่จะตัดสินใจฉีดสิวก็ควรศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อนและควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียดเพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาทีหลังค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.pobpad.com/ฉีดสิว-ทางเลือกรักษาผิว