ผิวหน้าแห้งมีวิธีการดูแลรักษาอย่างไรให้ผิวหน้าชุ่มชื้น
Table of Contents
ผิวหน้าแห้ง
ผิวแห้ง (Dry skin หรือ Xerosis) คือ ภาวะที่ผิวขาดความชุ่มชื้น เพราะสูญเสียน้ำจากสภาพแวดล้อมนอกร่างกาย ยิ่งอากาศหนาว ยิ่งทำให้อากาศในชั้นบรรยากาศมีความแห้ง ทำให้น้ำที่อยู่ใต้ผิวหนังระเหยสู่ชั้นบรรยากาศมากขึ้น ทำให้เกิดภาวะผิวแห้ง หน้าแห้งลอกได้
สาว ๆ คนไหนที่เผชิญกับปัญหาผิวแห้ง ผิวหน้าแห้งอยู่ หากไม่รีบดูแลอยู่ จะทำให้ผิวอ่อนแอ ขาดความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ง่ายแน่นอน
โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว ผิวจะแห้งคัน แห้งเป็นขุย แตก ลอกได้ง่าย เราจึงควรรู้สาเหตุการเกิดปัญหาผิวหน้าแห้ง และการดูแลรักษาอย่างไรให้ผิวหน้าชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา
สาเหตุของผิวแห้ง ผิวหน้าแห้ง ?
ผิวหน้าแห้งมีหลายสาเหตุ และสาเหตุที่เกิดกับผิวโดยตรงก็คือ ต่อมผลิตไขมันทำงานลดลง ผิวขาดน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ และผิวไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื่นไว้ได้
ระดับน้ำในชั้นใต้ผิวซึ่งตามปกติจะอยู่ราวร้อยละ 10-20 เมื่อใดที่ลดลงเหลือน้อยกว่าร้อยละ 10 ผิวจะเริ่มแห้งจนสังเกตได้ เกิดเป็นริ้วรอยเล็ก ๆ ส่วนสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้ผิวหน้าแห้ง เช่น
-แสงแดด ถือว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เรานั้นผิวเสีย เพราะในแสงแดดนั้นมีรังสี UVA และ รังสี UVB เพราะรังสี UVA นั้นจะค่อย ๆ เข้าไปทำลายผิวชั้นใน และไปทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินซึ่งเป็นโครงสร้างโปรตีนในชั้นผิวหนัง
ดังนั้นถ้าโครงสร้างโปรตีนเหล่านี้ถูกทำลาย ทำให้ใบหน้าเราเกิดริ้วรอยเหี่ยว และรังสี UVA ยังไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารอนุมูลอิสระมากกว่าปกติอีกด้วย จึงทำให้เกิดสิว ฝ้า กระ
และจุดด่างดำนั่นเอง ส่วน UVB นั้นจะเบิร์นเซลล์ผิวชั้นหนังกำพร้าของเรา ทำให้ผิวคล้ำ เกรียมแดด หรือบางคนอาจเกิดอาการผิวไหม้ แสบลอก หมองคล้ำและแห้งกร้าน และอาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้
-การดูแลผิวที่ไม่ถูกต้อง สาเหตุที่พบบ่อยได้แก่ การใช้ครีมบำรุงผิวผิดวิธี การใช้ครีมบำรุงผิวควรจะทาในขณะที่ผิวมีความชุ่มชื้นพอสมควร วิธีการเมื่อเราอาบน้ำหรือล้างหน้า
ปล่อยให้ผิวแช่น้ำสักครู่ แล้วจึงใช้ผ้าซับน้ำส่วนเกิน หลังจากนั้นจึงทาครีมบำรุงผิว หากผิวไม่เปียกมาก ก็ใช้ครีมบำรุงผิวทาเลยก็ได้
-เกิดจากยา ยาบางชนิดทำให้เกิดอาการคัน เช่น ยาขับปัสสาวะ ยารักษาสิว
-เกิดจากโรค โรคหลายโรคมีอาการคันเป็นอาการนำ เช่น โรคผื่นผิวหนังภูมิแพ้ โรคเรื้อนกวาง โรคเบาหวาน โรคต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย และโรคขาดอาหาร
-อากาศหนาวความชื้นต่ำ จะทำให้ผิวของเราแห้งกร้านและขาดความชุ่มชื้น ช่วงนี้ต้องใช้ครีมบำรุงผิวที่ชุ่มชื้นมากขึ้น เพื่อป้องกันน้ำระเหยออก ทำให้ผิวไม่แห้ง
-มลพิษทางอากาศ ถือได้ว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจของผิวสวยไม่แพ้แสงแดดเลย ไม่ว่าจะเป็นมลพิษจากท่อไอเสียรถยนต์ หมอกควัน หรือฝุ่นละออง เพราะมลพิษนั้นประกอบไปด้วยอนุมูลอิสระและสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ
ที่จะเข้า ไปทำร้ายผิวของเรา ทำให้ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้น จึงทำให้ผิวเราร่วงโรยก่อนวัย เกิดริ้วรอย จุดด่างดำ แลดูหมองคล้ำ นอกจากนี้ มลพิษและฝุ่นควันต่าง ๆ ยังอาจทำให้เกิดผื่นคัน สิว และผิวหนังอักเสบอีกด้วย
-ความเครียด จะไปกระตุ้นให้สมองหลั่งฮอร์โมนแห่งความเครียดหรือคอร์ติซอลออกมาและเข้าไปทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิวเรา เกิดเป็นริ้วรอยเหี่ยวย่น จุดด่างดำบนใบหน้า
-เครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน สารตัวนี้จะไปกระตุ้นร่างกายให้ขับปัสสาวะออกมามากกว่าปกติ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมาก เมื่อร่างกายขาดน้ำไปหล่อเลี้ยงผิว ผิวจึงแห้งกร้าน ไม่เปล่งปลั่ง ทั้งยังทำให้ผิวเกิดการอักเสบและสูญเสียคอลลาเจนจนเกิดริ้วรอยตามมา
-พันธุกรรม ในบางคนที่ผิวแห้งมาแต่กำเนิด เป็นผลมาจากการถูกถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรม เป็นสาเหตุที่หลีกเลี่ยงได้ยาก
-อายุ เมื่ออายุมากขึ้นจะมีผลต่อการทำงานของฮอร์โมนที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้อย่างรวดเร็วกว่าปกติ
-การขัดหน้า หลายคนอาจจะมองว่า การขัดหน้าคือวิธีขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไป แต่ในการขัดทุกครั้งจะเกิดการเสียดสีที่รุนแรงขึ้น และหากทำบ่อย ๆ ก็จะทำให้ผิวหน้าเกิดความแห้งกร้านมากขึ้น
วิธีการดูแลรักษาผิวหน้าแห้งอย่างไรให้ผิวหน้าชุ่มชื้น
ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าอย่างเดียว
ถ้าหากผิวหน้าของคุณแห้ง มันจะผลิตน้ำมันที่ปกป้องผิวของคุณไม่ให้ลอกเป็นขุยได้น้อย การใช้ครีมล้างหน้าที่รุนแรงนั้นจะล้างน้ำมันต่าง ๆ ที่ผิวของคุณผลิตออกมาทำให้ผิวหน้าแห้ง
ให้ใช้น้ำอุ่นที่ไม่ใช่น้ำร้อน เพราะว่าน้ำร้อนอาจจะทำให้ผิวแห้ง ให้นำผ้าขนหนูชุบด้วยน้ำอุ่นและลูบให้ทั่วใบหน้าอย่างอ่อนโยน จากนั้นซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าขนหนูนุ่ม ๆ
ล้างหน้าด้วยน้ำมัน
วิธีการล้างหน้าด้วยน้ำมัน จะล้างเอาเครื่องสำอาง สิ่งสกปรก คราบเหงื่อไคล และสิ่งอื่น ๆ ออกไปโดยที่ไม่ทำให้ผิวของคุณแห้ง เริ่มด้วยการผสมน้ำมันที่เหมาะสมกับประเภทผิวของคุณ สำหรับผิวที่แห้งมาก สามารถใช้น้ำมันโจโจ้บา น้ำมันอาร์แกน
และน้ำมันอัลมอนด์ ซึ่งทั้งหมดนี้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพและไม่ทำให้ผิวแห้ง ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น หลังจากนั้นให้ใช้นิ้วมือถูส่วนผสมน้ำมันให้ทั่วใบหน้า
ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเช็ดน้ำมันออกเบา ๆ โดยเช็ดวนเป็นวงกลมและล้างออกเป็นบางครั้ง ทำต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเช็ดน้ำมันออกหมด
เลือกใช้เจลล้างหน้าหรือคลีนซิ่งออยล์ แทนการใช้โฟมหรือสบู่ล้างหน้า
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้าประเภท เจล หรือคลีนซิ่งออยล์ เพราะมีสารชำละล้างไม่สูงเท่าโฟมปกติ ซึ่งจะอ่อนโยนและไม่ทำร้ายผิวหน้าของเราให้แห้งลงไปกว่าเดิม
ขัดหน้าสัปดาห์ 1-2 ครั้ง
เป็นการขัดชั้นของเซลล์ผิวที่ตายแล้วที่สร้างขึ้นและเริ่มที่จะหลุดลอกออก การขจัดชั้นของผิวแห้งและตายแล้ว สัปดาห์ละสองสามครั้งจะช่วยเผยผิวที่สดชื่นที่มีสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก
หลีกเลี่ยงการอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศที่แห้ง
หรือมีความเย็นจัด เช่น การอยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานาน
ทามอยส์เจอไรเซอร์ในตอนเช้า
การทามอยส์เจอไรเซอร์ตอนเช้าช่วยปกป้องใบหน้าของคุณจากมลภาวะ สิ่งสกปรก อากาศแห้ง อากาศร้อน และสิ่งอื่น ๆ ที่คุณจะเผชิญตลอดทั้งวันซึ่งอาจจะทำให้ผิวของคุณแห้งได้
ทาโลชั่น/ครีมบำรุงผิว
ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ชนิดเข้มข้น ซึ่งมีส่วนช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยพยายามทาให้เหมือนกิจวัตรอย่างหนึ่งที่ต้องทำเป็นประจำทุกวัน หลีกเลี่ยงมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งทำให้ผิวแห้ง
ดื่มน้ำเยอะ ๆ เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์
ดื่มน้ำเยอะ ๆ อย่างน้อยพยายามดื่มให้ได้ 1-2 ลิตรต่อวัน และทานผักผลไม้ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงผิว เช่น มะเขือเทศ กล้วย และรับประทานอาหารที่มีวิตามินเอ อี และกรดไขมันโอเมก้า 3 พักผ่อนให้เพียงพอ และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ดูแลระบบขับถ่ายและลำไส้
การดูแลสุขภาพของลำไส้ ทำได้โดยการรับประทานนมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อลำไส้ ช่วยให้ขับถ่ายได้สะดวก เมื่อเราขับของเสียออกจากร่างกายได้อย่างเป็นระบบ ก็จะส่งผลให้ผิวพรรณสดใสตามไปด้วย
หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน และเครื่องดื่มที่มีรสหวาน รวมถึงควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมการสูบบุหรี่ด้วย
ติดตั้งเครื่องทำความชื้นในห้องนอนของคุณ
หากอากาศในบ้านของคุณนั้นแห้งก็อาจจะทำให้ผิวของคุณแห้งไปด้วย ควรติดตั้งเครื่องทำความชื้นในห้องนอนของคุณเพื่อรักษาให้ผิวชุ่มชื้นในขณะที่คุณนอนหลับ
หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีส่วนทำให้ผิวแห้ง
ตรวจสอบเครื่องสำอางที่คุณใช้เป็นประจำ ว่าส่วนประกอบในเครื่องสำอางของคุณอาจจะมีส่วนที่ทำให้เกิดปัญหาผิวแห้งได้หรือไม่ มองหาเครื่องสำอางที่ประกอบด้วยส่วนผสมอย่างน้ำมันมะพร้าว
เชียบัตเตอร์ น้ำมันอัลมอนด์ ขี้ผึ้ง และสารจากธรรมชาติที่จะไม่ทำให้ผิวของคุณแห้ง และมันจะช่วยบำรุงผิว
พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนก่อน 23.00 น. อย่างน้อยต้องนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้โกรทฮอร์โมนในร่างกายของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เห็นไหมคะว่าการดูแลรักษาใบหน้าให้มีความชุ่มชื่นไม่แห้งตึง ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด