HealthDoo.Today

เว็บไซต์ความรู้ด้านสุขภาพ และความงาม

รักษาฝ้าด้วยตนเองทำอย่างไรให้ฝ้าหายขาด

Self-healingfreckles

รักษาฝ้า

ฝ้า อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงหลายคนต่างหมดความมั่นใจ และสาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้าคือ แสงแดด ซึ่งบ้านเราที่เป็นเมืองร้อนมีแสงแดดตลอดปี โอกาสที่จะเลี่ยงแสงแดดจึงเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะคนที่ทำงานกลางแจ้ง เล่นกีฬากลางแจ้ง มีโอกาสที่จะเป็นฝ้าได้มาก

รักษาฝ้า
CR. https://ubiqi.sg/your-guide-to-melasma-treatment/

 

ฝ้าเกิดจาก

ฝ้าเกิดจากการที่เม็ดสีผิวหรือเม็ดสีเมลานิน (Melanin pigment) ทำงานมากเกินไป จึงทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ สาเหตุที่ทำให้เซลล์เม็ดสีทำงานผิดปกตินั้น ส่วนใหญ่มาจากการที่ได้รับรังสี UV ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน

เนื่องจากเม็ดสีเมลลานินมีหน้าที่กรองรังสี UV เมื่อผิวได้รับแสงแดดมากขึ้น เมลานินก็จะถูกผลิตออกมามากขึ้นตามไปด้วย จึงเกิดเป็นฝ้าซึ่งมีลักษณะเป็นสีดำอมน้ำตาล ขึ้นเป็นแถบหรือปื้นบริเวณใบหน้า

นอกจากนี้ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนไป ก็มีส่วนทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน

ฝ้า มี 2 แบบคือ

-ฝ้าแบบตื้นจะอยู่ในระดับผิวหนังกำพร้า (ผิวหนังชั้นนอก) ฝ้าชนิดนี้จะเป็นสีน้ำตาล ขอบชัด เกิดขึ้นได้ง่าย รักษาให้หายได้และใช้เวลาไม่นาน

-ฝ้าแบบลึกจะอยู่ในระดับที่ลึกกว่าผิวหนังกำพร้า ด้วยความลึกจึงทำให้เกิดการแสดงสีออกมาเป็นสีน้ำตาลอมฟ้าหรือสีน้ำตาลอมม่วง เป็นฝ้าที่รักษาได้ยาก การทายามักให้ผลเพียงแค่ทำให้ดูจางลง

 

รักษาฝ้า ด้วยตนเองทำอย่างไรให้ฝ้าหายขาด

เริ่มต้นจากการหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง

ถ้าหากต้องเผชิญแสงแดดก็ควรทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันผิวจากรังสียูวี และพกร่มกันแดดติดตัวไปด้วยทุกที่ หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดโดยตรง และก่อนออกแดดควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF30 ขึ้นไป และต้องเป็นแบบ PA+++ ด้วย

ถึงจะช่วยปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าต้องอยู่ภายใต้แสงแดดตลอดทั้งวัน คุณอาจเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงมากกว่านี้ แต่ให้หมั่นทาครีมกันแดดบ่อย ๆ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าครีมกันแดดยังมีประสิทธิภาพดีพอต่อการป้องกันแสงแดด

 ดูแลสุขภาพผิวจากภายใน

โดยการรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี ที่เป็นตัวช่วยทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ฝ้าขยายใหญ่หรือลุกลามขยายตัวใหญ่ขึ้นนั่นเอง

 

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

เช่นทาครีมกันแดดทุกครั้ง ไม่ว่าจะออกแดดหรือไม่ ใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของครีมกันแดด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกันแดด และควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ๆ คือตั้งแต่เวลา 9.00 – 16.00 น.

การขัดหน้า
CR. https://www.allure.com/story/what-is-melasma-hyperpigmentation-differences-treatments

การขัดหน้า

โดยวิธีการก็ง่าย ๆเช่น ขัดหน้าด้วยมะขาม เพียงแค่นำมะขามเปียกมาละลายน้ำ พอให้ข้น ๆ จากนั้นนำมาขัดหน้า โดยค่อย ๆ ขัดอย่างเบามือ เสร็จแล้วพอกหน้าทิ้งไว้อีกประมาณ 2-3 นาที แล้วล้างหน้าให้สะอาด

สูตรนี้ทำบ่อย ๆ จะช่วยผลัดเซลล์ผิว และสามารถทำให้รอยฝ้าจางลงและหน้าขาวเนียนใสขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ

 

การรักษาฝ้าด้วยยาทาหรือผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่ง

เป็นวิธีการรักษามาตรฐานที่ได้ผลดีและปลอดภัย ใช้ได้ผลดีกับฝ้าตื้นมากกว่าฝ้าลึก มียาหลายชนิดที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เช่น ไฮโดรควิโนน, กรดอาซีลาอิก, กรดโคจิก, อนุพันธุ์ของวิตามิน เอ

จะช่วยให้ฝ้าจางลงและทำให้หน้าดูกระจ่างใสขึ้นได้ แต่ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานานพอสมควร โดยปกติจะใช้เวลาอย่างน้อย 2-6 เดือน ก็จะเห็นผลอย่างชัดเจน

การรักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติ โดยใช้สมุนไพร และผักผลไม้สวนครัว

วิธีรักษาฝ้า ด้วยหัวไชเท้า

วิธีรักษาฝ้า ด้วยหัวไชเท้า

นำหัวไชเท้าบด ผสมน้ำผึ้งเล็กน้อย แต้มที่รอยฝ้า 10 – 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น กระชับผิวอีกครั้งหนึ่งด้วยน้ำเย็น ซับหน้าให้แห้ง วิธีรักษาฝ้าด้วยหัวไชเท้านี้ ถ้าอยากให้เห็นผลดียิ่งขึ้นควรทำวันเว้นวัน และยังมีสรรพคุณช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าได้ดีอีกด้วย

วิธีรักษาฝ้า ด้วยใบบัวบก

วิธีรักษาฝ้า ด้วยใบบัวบก

ใบบัวบกมีสรรพคุณในการช่วยรักษาอาการของโรคผิวหนัง โดยเฉพาะฝ้า กระ และสิว ให้นำใบบัวบกมาปั่น กรองแต่น้ำใช้สำลีชุบน้ำใบบัวบกเช็ดหน้าหลังล้างหน้าก่อนนอน ทำแบบนี้ทุกวัน รอยฝ้า กระ ก็จะค่อย ๆจางลง

วิธีรักษาฝ้า ด้วยว่านหางจระเข้

วิธีรักษาฝ้า ด้วยว่านหางจระเข้

ช่วยให้รอยฝ้ากระจ่างลง พร้อมทั้งช่วยลดอาการแสบไหม้ ระคายเคืองจากแสงแดดได้เป็นอย่างดี ทำให้ผิวฟื้นฟู อิ่มน้ำดีขึ้น นำว่านหางจระเข้ ใบแก่ ๆ มาแช่น้ำทิ้งไว้ 10 นาที แล้วลอกเปลือกออก ล้างยางให้สะอาด

นำมาฝานเป็นแผ่นบางๆ หรือสะดวกจะบดก็ได้ แช่ในตู้เย็นให้ว่านหางจระเข้เย็นๆ นำมาพอกหน้า 15 – 20 นาที ล้างหน้าให้สะอาด ทำเช่นนี้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

วิธีรักษาฝ้า ด้วยมะขามเปียก

วิธีรักษาฝ้า ด้วยมะขามเปียก

มะขามเปียกเป็นวิธีรักษาฝ้าที่ได้ผลดีวิธีหนึ่ง เพราะมะขามเปียกจะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ดำกร้านให้หลุดลอกได้เป็นอย่างดี รวมถึงรอยฝ้า กระ ก็จางลงได้เมื่อทำเป็นประจำมะขามผสมน้ำ กรองให้ข้น นำมาแต้มที่รอยฝ้า หรือพอกหน้าทิ้งไว้ 10 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น กระชับผิวอีกครั้งด้วยน้ำเย็น ทำอย่างนี้ทุกวัน

วิธีรักษาฝ้า ด้วยแตงกวา

วิธีรักษาฝ้า ด้วยแตงกวา

วิธีรักษาฝ้าด้วยแตงกวา จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่ารอยดำบนใบหน้า ให้กลับมาสว่าง กระจ่างใสขึ้น พร้อมคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้า บรรเทาอาการแสบร้อนได้เป็นอย่างดี ลดริ้วรอยต่างๆบนใบหน้าได้ด้วย ปั่นแตงกวาให้ละเอียด นำมาพอกหน้าให้ทั่ว เว้นตา ปาก ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก สามารถทำได้ทุกวันที่ต้องการ

วิธีรักษาฝ้า ด้วยขมิ้น

วิธีรักษาฝ้า ด้วยขมิ้น

ขมิ้นนอกจากจะช่วยสมานแผลได้ดีแล้ว ยังช่วยรักษาฝ้า กระ ให้จางลงได้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียน ขาวใส และนมก็มีกรดแลคติกที่ช่วยให้ผิวขาวขึ้น ทำให้รอยฝ้า กระ จางลงได้ดีขึ้นด้วยนะ นำขมิ้น ผสมนมสด มาขัดนวดหน้าเบา ๆสักพักหนึ่ง และพอกหน้าทิ้งไว้ 30 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น กระชับผิวอีกครั้งด้วยน้ำเย็น

วิธีรักษาฝ้า ด้วยมะนาว

วิธีรักษาฝ้า ด้วยมะนาว

นำมะนาว  ผสมน้ำผึ้งเล็กน้อย พอกหน้าทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น กระชับผิวอีกครั้งด้วยน้ำเย็น มะนาวมีกรด AHA & VitaminC ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดรอยดำจากฝ้า กระ ได้ดีเยี่ยม

วิธีรักษาฝ้า ด้วยหัวหอม

วิธีรักษาฝ้า ด้วยหัวหอม

นำหัวหอมมาปั่นละเอียด ทาลงบนฝ้า ทิ้งไว้ 10-15 นาที จะช่วยให้รอยฝ้า กระจางลง เมื่อทำเป็นประจำ

 

การใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์รักษาฝ้า

ฉีดเมโสรักษาฝ้า (Mesotherapy)

เป็นการฉีดตัวยารักษาฝ้าเข้าไปในชั้นผิวของเราในชั้นผิวตื้น ๆ เฉพาะบริเวณที่มีปัญหาฝ้า โดยตัวยาที่ถูกฉีดเข้าไปที่ผิวชั้นเมโส ยาสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ทันที ถือว่ารักษาตรงจุด แต่ต้องทำการฉีดซ้ำทุก ๆ 1-2 อาทิตย์

การใช้เลเซอร์

เลเซอร์จะช่วยเข้าไปทำลายเม็ดสีที่เกิดขึ้นแล้ว ช่วยปรับสภาพหรือรักษาความผิดปกติของสีผิว เลเซอร์ที่นิยมใช้ในการกำจัดฝ้า ได้แก่ IPL, Dual Laser, Q switch Laser และ Pico Laser โดยแพย์จะยิงลงไปบริเวณที่เกิดฝ้าโดยตรง

และทำลายเซลล์สร้างเม็ดสีด้วยความร้อน ถึงแม้ว่าจะเป็นวิธีที่ให้ผลรวดเร็วและจัดการกับสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอได้ แต่ผลของการรักษาจะทำให้ฝ้าจางลงเพียงชั่วคราวเท่านั้น และการทำเลเซอร์บางชนิดอาจมีผลข้างเคียงหลังทำ เช่น มีสะเก็ดหลังทำ ผิวแดงบวมแดง เป็นต้น

 

ไอออนโตรักษาฝ้า (Iontophoresis)

การนำไอออนโตฟอเรซิสมารักษาผิวหน้า โดยเฉพาะการทำไอออนโต โดยเฉพาะการทำไอออนโต ด้วยวิตามินซี วิตามินอี และวิตามินเอ เพื่อช่วยรักษาฝ้าหรือลดริ้วรอย

โดยยาที่นิยมนำมาใช้จะอยู่ในรูปแบบของเจล อย่างเจลอาร์บูติน เจลโคจิก  เจลวิตามินซี  เจลลิโคไลซ์ และทรานซามิคเจล การรักษาแบบนี้มีผลข้างเคียงน้อย หากทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง รับรองได้เลยว่าฝ้าคุณต้องจางลงอย่างแน่นอน

 

กรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี (Microdermabrasion : MD)

เป็นการช่วยเร่งการขจัดเซลล์ชั้นหนังกำพร้าให้หลุดเร็วขึ้น ก็สามารถช่วยลดรอยดำจากฝ้า แต่อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ากำหนดระดับความแรงในการทำงานของเครื่องมือสูงเกินไป

โดยใช้หลักการพ่นเกร็ดคริสตัลทำด้วยผลึกอะลูมิเนียมออกไซด์ที่มีขนาดเล็กเท่ากับทรายละเอียดและผ่านการฆ่าเชื้อโรคแล้ว หรืออาจใช้เกร็ดของเพชร พร้อมแสง LED

โดยอาศัยเครื่องที่ทำงานด้วยระบบสุญญากาศ ผลที่จะตามมาหลังจากกรอผิวด้วยอัญมณี ก็คือ รอยดำจากฝ้า กระ ริ้วรอยเหี่ยวย่น รอยดำจากแผลต่าง ๆ จะลดลง

 

การป้องกันการเกิดฝ้า

แสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้า  การหลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดดโดยตรงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถทำได้ แต่หากไม่สามารถเลี่ยงได้ การทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน

โดยเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 + และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง ในช่วงที่มีแดดแรงควรปกป้องผิวอีกชั้นโดยการกางร่ม สวมหมวก สวมเสื้อผ้าที่ปกปิดผิวหนังได้อย่างมิดชิด

 

ขอบคุณข้อมูล

การรักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติ โดยใช้สมุนไพร และผักผลไม้สวนครัว : http://www.maneeskincare.com /%20วิธีรักษาฝ้า-กระ-ด้วยธรรมชาติ-ประหยัดสุด-เห็นผลจริง!!