HealthDoo.Today

เว็บไซต์ความรู้ด้านสุขภาพ และความงาม

สมุนไพรรักษาฝ้า มีอะไรบ้าง และ ใช้รักษาอย่างไร

Freckled Woman

Table of Contents

สมุนไพรรักษาฝ้า 

ลักษณะเป็นแผ่นสีดำอมน้ำตาลที่ขึ้นเป็นแถบ หรือเป็นปื้น และมักเป็นทั้ง 2 ข้าง บริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก ริมฝีปาก คาง และ เหนือคิ้ว นั้น คือ อาการของฝ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากให้เกิด

สมุนไพรรักษาฝ้า 

เพราะจะทำให้หลายคนขาดความมั่นใจ และ การรักษาฝ้านั้นก็ค่อนข้างยาก วันนี้เราจึงอยากจะนำเสนอ วิธีป้องกัน และ รักษาฝ้า ด้วยสมุนไพร มาฝากกันค่ะ แต่ก่อนอื่น เราต้องมารู้จักกันก่อนนะคะว่าฝ้านั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ประเภทของฝ้า มีกี่ชนิด มาดูกันเลยค่ะ

ฝ้าเกิดขึ้นได้อย่างไร

ฝ้าเกิดจากการทำงานที่ผิดปกติจากเซลล์เม็ดสีใต้ชั้นผิวหนัง หรือเม็ดสีเมลานิน ซึ่งสามเหตุที่ทำให้เซลล์เม็ดสีทำงานผิวปกติมักมาจากการที่ได้รับรังสี UV เมื่อผิวได้รับแสงแดดมาก เม็ดสีเมลานินก็จะถูกผลิตออกมามากตามไปด้วย

จึงเกิดเป็นฝ้าที่มีลักษณะเป็นแถบสีดำอมน้ำตาล แต่ก็ไม่ใช่แสงแดดเท่านั้นที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดฝ้า ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ การกินยาคุมกำเนิด หญิงตั้งครรภ์ หรือหญิงกำลังเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ซึ่งเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในร่างกาย ก็มีส่วนทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน

ฝ้าเกิดขึ้นได้อย่างไร

ประเภทของฝ้า

1. ฝ้าแดด

เกิดจากการที่เราได้รับรังสี UV จากแสงแดดต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานเกินไป และ ไม่เพียงแค่แสงแดดเท่านั้น แสงสีฟ้าจากจอคอมพิวเตอร์ จากสมาร์ทโฟน หรือ แสงจากหลอดไฟก็เป็นสาเหตุของการเกิดฝ้าแดด

2. ฝ้าลึก

ลักษณะของฝ้าจะเป็นผื่นสีน้ำตาลผสมสีเทาเข้า เกิดบริเวณชั้นหนังแท้ และ เนื่องจากอยู่ในระดับที่ลึกมาก การรักษาจึงค่อนข้างยาก

3. ฝ้าตื้น

ลักษณะของฝ้าจะเป็นผื่นน้ำตาลเข้ม เกิดบริเวณชั้นหนังกำพร้า ฝ้าชนิดนี้จะตอบสนองต่อการรักษาได้ดี และ สามารถรักษาให้หายขาดได้

4. ฝ้าเลือด

ลักษณะผิวจะแดงง่าย เมื่อโดนความร้อน หรือ แสงแดด ซึ่งมักเกิดจากความผิดปกติของเลือดลมและฮอร์โมน

วิธีป้องกันการเกิดฝ้า

1. หลีกเลี่ยงการใช้ยา

หรือ ฮอร์โมนโดยไม่จำเป็น แต่หากจำเป็นต้องใช้ควรปรึกษาแพทย์ หรือ เภสัชกร เนื่องจากยา หรือ ฮอร์โมนเพศบางชนิดมีผลข้างเคียงทำให้เป็นฝ้าได้ เช่น ยากลุ่มพีไนโทอิน และ ยาที่มีปฏิกิริยาที่ไวต่อแสง

2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดด

การป้องกันฝ้าที่ดีที่สุด คือ การหลีกเลี่ยงแสงแดด เนื่องจากรังสี UV จากแสงแดดเป็นต้นเหตุทำให้เกิดฝ้า

ซึ่งหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ไม่ควรสัมผัสกับแดดโดยตรง ควรสวมหมวกหรือกางร่ม เมื่อต้องเจอกับแสงแดด ก็สามารถลดความรุนแรงได้ระดับหนึ่ง

3. ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ

การทาครีมกันแดด เพื่อปกป้องผิว ที่ต้องสัมผัสกับแสงจากหลอดไฟ แสงสีฟ้าจากจอคอมพิวเตอร์หรือ หน้าจอสมาร์ทโฟนก็เป็นวิธีป้องกันการเกิดฝ้า

โดยเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และ ต้องเป็นชนิด PA+++

4. หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศ

หากใช้เครื่องสำอางแล้วทำให้เกิดรอยดำขึ้นบริเวณใบหน้าควรหยุดใช้เครื่องสำอางนั้นทันที เพราะอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดฝ้าได้

ทีนี้เรามาดูกันค่ะว่ามีสมุนไพรตัวไหนบ้างที่สามารถรักษาฝ้าให้หายขาดได้

วิธีรักษาฝ้าด้วยสมุนไพร

1. สมุนไพรรักษาฝ้า ด้วยแตงกวา

แตงกวา สามารถผลัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำ เนื่องจากในแตงกวามีวิตามินซี ฟอสฟอรัส เมทิโอนิน และ มีสารซิสทิน ทำให้ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยรักษาฝ้าให้ค่อย ๆ จางลง และ ยังกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้หน้าเนียนนุ่ม รูขุมขนเล็กลง ผิวขาวกระจ่างใสขึ้น ชุ่มชื้นมากขึ้น

สมุนไพรรักษาฝ้า ด้วยแตงกวา

วิธีการใช้แตงกวารักษาฝ้า

ฝานแตงกวาเป็นแผ่นบาง ๆ นำมาโปะไว้บนหน้าทิ้งไว้ 15 – 20 นาที แล้วล้างออกหรือจะปั่นแตงกวาให้ละเอียดแล้วนำมาพอกให้ทั่วใบหน้า เว้น ปาก และ ตา ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออกให้สะอาด สูตรนี้จะช่วยให้ผิวกระจ่างใน ชุ่มชื้น ช่วยลดรอยดำ ฝ้ากระให้จางลงได้

2. สมุนไพรรักษาฝ้าด้วย แอปเปิลไซเดอ (น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล)

แอปเปิลไซเดอเกิดจากการหมักแอปเปิลสดในถังไม้ด้วยการนำแอปเปิลมาบดและปล่อยให้เกิดการหมักตัวในถัง โดยไม่ผ่านกระบวนการความร้อน และ คัดครอง

สมุนไพรรักษาฝ้าด้วย แอปเปิลไซเดอ

จึงทำให้คงเอนไซม์และแร่ธาตุจากธรรมชาติไว้อย่างครบถ้วน แอปเปิลไซเดอมีคุณสมบัติเป็นกรดสูง โดยมีความเป็นกรดประมาณ 5% (Acetic Acid) และมีส่วนประกอบของธาตุโพแทสเซียมสูง ช่วยทำให้ผิวดูกระจ่างใส ลดรอยฝ้า จุดด่างดำบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี

วิธีใช้แอปเปิลไซเดอ รักษาฝ้า

ก่อนอาบน้ำทุกวัน เช้า เย็น ใช้น้ำแอปเปิลไซเดอ ผสมน้ำอุ่นเล็กน้อย นำสำลีชุบแล้วเช็ดหน้า 15 นาที สามารถทำได้ทุกวัน หรือทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เพียงเท่านี้รอยฝ้าก็จะค่อย ๆ จางลง

3. สมุนไพรรักษาฝ้าด้วย น้ำมะพร้าว

น้ำมันมะพร้าวสามารถช่วยยับยั้ง และ รักษาฝ้าได้เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นมีกรดลอริก ที่จะเปลี่ยนเป็นโมโนลอริน เป็นสารฆ่าเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ

จึงทำให้รอยฝ้าจางลง และ ในน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มาจากแสงแดด จึงสามารถช่วยกันแดดได้ระดับหนึ่ง

สมุนไพรรักษาฝ้าด้วย น้ำมะพร้าว

วิธีใช้น้ำมันมะพร้าว รักษาฝ้า

หลังอาบน้ำเช้า เย็น ให้ใช้น้ำมันมะพร้าวทาบำรุงผิวหน้า จะช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้นขึ้น ซึ่งหากเป็นคนผิวแห้งจะใช้ได้ดีเลยทีเดียว ผิวหน้าจะกระจ่างใส รอยผ้า กระ จุดด่างดำ จะค่อย ๆ จางลง สิวลดลง ริ้วรอยดูตื้นขึ้นสามารถใช้ได้ทุกวัน และ เห็นผลการเปลี่ยนแปลงใน 2 สัปดาห์

4. สมุนไพรใช้รักษาฝ้าด้วย น้ำมันมะรุม

น้ำมันมะรุมมีวิตามินซี ฟอสฟอรัส และ โพแทสเซียม ซึ่งจะช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ผลัดเซลล์ผิวคล้ำให้ค่อย ๆ หลุดลอกออกอย่างอ่อนโยน น้ำมันมะรุม จะมีเนื้อบางเบา ซึมไว

และ ไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึ่งใช้แล้วหน้าจะไม่มัน หลังใช้จะรู้สึกได้ว่าผิวนุ่ม และ ตึงกระชับ เมื่อใช้ไปได้สักระยะฝ้าจะค่อย ๆ จางลง

สมุนไพรใช้รักษาฝ้าด้วย น้ำมันมะรุม

วิธีใช้น้ำมันมะรุม รักษาฝ้า

หลังล้างหน้าเช้า เย็น ทาน้ำมันมะรุม จะทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้น กระจ่างใส รอยดำจากฝ้า กระ จะค่อย ๆ จางลง และ ยังช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าได้อีกด้วย สามารถใช้ได้ทุกวัน

5. สมุนไพรใช้รักษาฝ้าด้วย น้ำมันละหุ่ง

น้ำมันละหุ่ง จะอุดมไปด้วยวิตามินอี และ ไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ และ ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีผลในการรักษาฝ้า โดยการนำน้ำมันละหุ่ง นวดทุกวัน ฝ้าก็จะจางลง เมื่อใช้แล้วหน้าก็จะชุ่มชื้น ช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ สามารถยับยั้งแบคทีเรีย จึงไม่ทำให้เกิดสิว

สมุนไพรใช้รักษาฝ้าด้วย น้ำมันละหุ่ง

วิธีใช้น้ำมันละหุ่ง รักษาฝ้า

น้ำมันละหุ่งสามารถใช้ได้ทุกวัน เพียงทาน้ำมันละหุ่งหลังล้างหน้า เช้า เย็น จะช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้น กระจ่างใส รอยดำจากฝ้า จะค่อย ๆ จางลง และ ยังช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าได้ดีอีกด้วย และจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 3 ขึ้นไป

6. สมุนไพรใช้รักษาฝ้าด้วย มะนาว

มะนาวมีกรด AHA และวิตามินซี สูง จึงช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ สามารถผลักเซลล์ผิวที่มีรอยดำคล้ำให้ค่อย ๆ หลุดลอกได้เป็นอย่างดี และ ยังลดปัญหาผิวมัน และ การเกิดสิวได้ เมื่อใช้แล้วจะช่วยให้ผิวหน้าดูชุ่มชื้น เนียนนุ่มมากขึ้น

สมุนไพรใช้รักษาฝ้าด้วย มะนาว

วิธีใช้น้ำมะนาว รักษาฝ้า

นำมะนาว 1 ลูกบีบเอาแต่น้ำ ผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน นำมานวดใบหน้า 2 – 3 นาที และ พอกทิ้งไว้ 15 – 20 นาที จะรู้สึกได้ว่าหน้าจะยุบยิบ

เหมือนน้ำมะนาวเข้าไปกัดที่ผิวหน้า ควรทำสัปดาห์ละ 3 – 4 ครั้ง เพียงเท่านี้รอยฝ้า หน้าหมองคล้ำ ก็จะจางลง ผิวหน้าจะชุ่มชื้น ช่วยลดการเกิดสิว และ ผิวมันได้ดี

7. สมุนไพรรักษาฝ้าด้วย หัวหอม

หัวหอมจะมีแร่ธาตุและกำมะถันที่จะช่วยในการผลัดเซลล์ผิว รอยดำจากฝ้าจะค่อย ๆ จางลง ซึ่งหัวหอมจะมีกลิ่นฉุน แต่จะช่วยรักษารอยดำจากฝ้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งผู้ที่จะใช้สูตรนี้ต้องทดสอบก่อนนะคะ

สมุนไพรรักษาฝ้าด้วย หัวหอม

วิธีใช้หัวหอม รักษาฝ้า

คั้นเอาแต่เฉพาะน้ำแล้วนำไปแช่ตู้เย็น เพื่อดับกลิ่น และ ลดความซ่าที่อาจจะทำให้แสบผิว แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด แนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง รอยฝ้าจะจางลงได้

8. สมุนไพรใช้รักษาฝ้าด้วย มะละกอ

มะละกอจะมีเอนไซม์ที่มีฤทธิ์ในการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งเอนไซม์ตัวนี้จะมีสารแปปเพน ซึ่งเป็นเอนไซม์ปาเปนชนิดหนึ่ง สามารถกำจัดรอยดำ และ ยังช่วยรักษาฝ้า กระให้จางลงได้

สมุนไพรใช้รักษาฝ้าด้วย มะละกอ

วิธีใช้มะละกอ รักษาฝ้า

ให้นำมะละกอมาบดผสมน้ำผึ้ง และ น้ำมะนาวเล็กน้อย แล้วนำมาพอกหน้า 15 นาที เมื่อครบ 15 นาทีแล้วให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วกระชับผิวหน้าด้วยน้ำเย็น เพียงเท่านี้หน้าก็จะขาวกระจ่างใสเนียนนุ่ม รอยดำจากฝ้าจะค่อย ๆ จางลง แนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง

9. สมุนไพรใช้รักษาฝ้าด้วย ใบกะเพรา

ใบกะเพราจะมีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิว เนื่องจากในตัวใบกะเพราจะมีวิตามินซี ธาตุเหล็ก แคลเซียม และ ฟอสฟอรัส ทำให้รอยดำจากฝ้า กระ ดูจางลง แต่จะมีข้อเสียคือ จะมีกลิ่นฉุนเล็กน้อย

สมุนไพรใช้รักษาฝ้าด้วย ใบกะเพรา

วิธีใช้ใบกะเพรา รักษาฝ้า

นำใบกะเพราแห้งมาปั่นให้ได้ 3 – 4 ช้อนโต๊ะ แล้วเติมน้ำต้มสุกลงไปประมาณ 100 มิลลิกรัม คนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำไปแช่ตู้เย็น ทาเป็นประจำวันละ 2 ครั้ง

10. สมุนไพรรักษาฝ้าด้วย หัวไชเท้า

หัวไชเท้าจะมีสารไกลโคไซม์ (Glycossides) ที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ และ กรดแอสคอบิก (Ascorbic Acid) ซึ่งมีผลการวิจัยออกมาว่า สามารถช่วยลดเรื่องฝ้า กระ ได้อย่างชัดเจน โดยที่กรดเหล่านี้จะไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ช่วยให้ความชุ่มชื้น แก่ผิวทำให้ผิวเปล่งปลั่งได้

หัวไชเท้า

วิธีใช้หัวไชเท้า รักษาฝ้า

นำน้ำหัวไชเท้า 2 – 3 ช้อนโต๊ะ และ น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา คนให้เป็นเนื้อครีม นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ว15 – 20 นาที แนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง ผิวหน้าจะค่อย ๆ กระจ่างใส รอยฝ้าจะค่อย ๆ จางลง

*****หัวไชเท้ามีฤทธิ์แรงมาก หากผิวหน้าได้รับสารโดยตรง อาจมีผลทำให้ผิวหน้าแสบได้ การใช้
หัวไชเท้าสด ๆ จะไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย*****

ปัญหาผิวอย่างฝ้า สามารถแก้ไขได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ สิ่งสำคัญ คือ อย่างลืมทาครีมกันแดด ที่มีสาร SPF 50 ขึ้นไป เรื่องอาหารก็เป็นสิ่งสำคัญ ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ส้ม มะละกอ มะเขือเทศ ผักกาดเขียว ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 1.5 – 2 ลิตร เพราะน้ำจะช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย และ ขับสารเคมีต่าง ๆ ออกไป ทำให้ผิวเปล่งปลั่งจากภายในสู่ภายนอก

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก..

https://www.honestdocs.co/how-to-treat-melasma-by-herb
http://www.herbandherthailand.com/วิธีรักษาฝ้าให้หายขาด-ด้วยสมุนไพรรักษาฝ้า-อย่างเห็นผล
https://mainnetwotk.jimdofree.com/จับคู่สมุนไพรรักษาฝ้า/