เท้าบวม สัญญาณที่มีความเกี่ยวข้องกับสุขภาพ
สุขภาพดีใคร ๆ ก็ปรารถนาแต่ก็ดังคำกล่าวที่ว่า สุขภาพไม่มีขาย อยากได้ต้องดูแลตัวเอง ค่อยหมั่นสังเกตอาการของตัวเอง หากมีอาการผิดปกติ เช่น เท้าบวม (Swollen Feet) หรือก็คือ เป็นอาการบวมที่เกิดขึ้นตั้งแต่บริเวณเท้าไปจนถึงข้อเท้า เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุมีทั้งรุนแรงและไม่รุนแรง ซึ่งเท้าบวม วิธี แก้ เป็นสัญญาณที่มีความเกี่ยวข้องกับสุขภาพ เป็นอาการแสดงเบื้องต้นของโรคหลาย ๆ โรค เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
Table of Contents
อาการเท้าบวม
อาการจะรุนแรงหรือไม่ขึ้นอยู่กับสาเหตุ โดยอาการทั่วไปที่มักพบในผู้ที่มีข้อเท้าหรือเท้าบวม ได้แก่
1.ข้อเท้า หรือเท้าทั้ง 2 ข้างขยายขนาดขึ้น บางรายบริเวณที่บวมจะมีลักษณะแดง หรือสัมผัสแล้วรู้สึกอุ่น ๆ
2.เมื่อสัมผัสบริเวณเท้าอาจจะรู้สึกว่านิ่มผิดปกติ หากใช้นิ้วกดลงไปที่เท้าแล้วจะเกิดรอยบุ๋ม เมื่อยกนิ้วออกบริเวณที่บุ๋มลงไปจะคืนสู่สภาพเดิมอย่างช้า ๆ ผิดปกติ หรือไม่เด้งกลับมา
3.ใส่รองเท้าแล้วคับ ใส่กางเกงแล้วติดขา มองเห็นรอยพับชัดเจนบนผิวหนังที่บวมเมื่อถอดรองเท้า หรือถุงเท้าออก
4.สีผิวหนังของเท้าที่บวมอาจปกติหรือซีดกว่าปกติ
สาเหตุของเท้าบวม
เท้าบวมเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยอาจเกิดจากสาเหตุที่บริเวณข้อเท้าหรือเท้าโดยตรง หรืออาจเกิดขึ้นจากความผิดปกติของร่างกาย ที่พบบ่อยได้แก่
1.อาการบาดเจ็บที่เท้าหรือข้อเท้า
ขาบวมมักเกิดจากข้อเท้าแพลงจากอุบัติเหตุ หรือการสะดุดล้ม ทำให้เส้นเอ็นบริเวณข้อเท้ายืดมากผิดปกติ
2.หลอดเลือดดำบกพร่อง
หลอดเลือดดำจะมีการไหลเวียนของเลือดขึ้นไปที่หัวใจในลักษณะไหลเวียนไปในทางเดียวและมีลิ้นที่คอยกั้นไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับ แต่หากลิ้นดังกล่าวเสียหาย จะทำให้หลอดเลือดดำทำงานผิดปกติ และเลือดไหลย้อนกลับไปคั่งที่บริเวณเท้าและขา จนเกิดอาการบวมที่เท้าโดยเฉพาะการยืนนาน ๆ
3.การติดเชื้อ
อาการเท้าบวมและข้อเท้าบวมอาจเกิดขึ้นได้จากการติดเชื้อ ส่วนใหญ่จะพบในโรคเบาหวานที่มีอาการลุกลามไปยังเส้นประสาทส่วนปลายบริเวณเท้า การติดเชื้ออักเสบที่เท้าจะทำให้เท้าที่บวมมีอาการแดงร้อนและปวดหรือมีไข้ได้ มักเป็นข้างใดข้างหนึ่ง
4.ลิ่มเลือดอุดตัน
หากเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำที่บริเวณขา ก็อาจทำให้เกิดอาการเท้าบวมได้ โรคเส้นเลือดดำอุดตันที่ขา มักพบขาบวมข้างใดข้างหนึ่งอาจจะรู้สึกปวดได้ มักพบในคนไข้ที่ไม่ได้ขยับขา เช่น หลังผ่าตัด นอนติดเตียง
5.ภาวะบวมน้ำเหลือง
เกิดจากการคั่งของน้ำเหลืองบริเวณใต้ผิวหนัง เกิดจากการไหลเวียนของน้ำเหลืองโดนขัดขวาง จนทำให้เกิดอาการบวมที่บริเวณเท้า และข้อเท้า
6.ผลข้างเคียงจากการใช้ยา
มียาจำนวนไม่น้อยที่มีผลข้างเคียงทำให้ข้อเท้าและเท้าบวม ได้แก่
6.1.ฮอร์โมนต่าง ๆ เอสโตรเจน หรือฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน
6.2.แคลเซียมแชนแนลบล็อกเกอร์ ซึ่งเป็นยาที่ใช้ในการรักษาโรคความดันโลหิต
6.3.ยาสเตียรอยด์ เช่น ยาคอร์ติซอลสเตียรอยด์
6.4.ยาต้านเศร้า คือ ยาที่ใช้ในการรักษาภาวะซึมเศร้า เช่น ยานอร์ทริปไทลีน และยาอะมิทริปไทลีน
6.5.ยาต้านอาการอักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เป็นยาที่ใช้รักษาอาการปวด เช่น ยาไอบูโพรเฟน
6.6.รักษาโรคเบาหวานบางชนิด
7.ภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์
อาการเท้าบวม และข้อเท้าบวมมักพบได้โดยทั่วไปในสตรีที่ตั้งครรภ์ แต่หากอาการบวมเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน หรือค่อนข้างรุนแรง อาจมีสาเหตุเกิดจากภาวะครรภ์เป็นพิษได้
8.โรคหัวใจ
ในภาวะหัวใจวายน้ำท่วมปอดจะทำให้มีอาการขาบวมทั้งสองข้างและมีอาการเหนื่อย นอนราบไม่ได้ต้องใช้หมอนหลายใบ
9.โรคไต
ไตวายเรื้อรังจะมีอาการน้ำเกิน ขาทั้งสองข้างจะบวม เหนื่อยนอนราบไม่ได้ ปัสสาวะออกน้อย และในภาวะไตอักเสบหรือโปรตีนรั่วในปัสสาวะ จะมีขาบวมทั้งสองข้าง ความดันโลหิตสูง ปัสสาวะเป็นฟอง หนังตาบนทั้งสองข้างบวม
10.โรคตับ
ภาวะตับแข็งทำให้เกิดอาการบวมในขาทั้งสองข้างได้ และมักจะพบท้องบวมโตได้
การรักษาอาการเท้าบวม
โดยทั่วไปแล้วหากอาการเท้าบวมเกิดขึ้นจากกิจกรรมในชีวิตประจำหรือการบาดเจ็บเล็กน้อย อาจไม่ต้องรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ แต่ให้ผู้ป่วยดูแลรักษาอาการด้วยตนเองที่บ้าน ซึ่งวิธีที่ช่วยลดอาการบวมของเท้าได้ มีดังต่อไปนี้
1.ยกขาให้สูงขึ้นขณะนอนหงาย เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก หนุนเท้าให้สูงขณะนอนหลับ หากขาและเท้าอยู่ในระดับที่สูงพอในขณะนอนหลับก็จะช่วยให้อาการบวมลดลง
2.ยืดเหยียดขาอยู่เสมอ จะทำให้เลือดไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น ลุกขึ้นเดินเป็นระยะ ๆ เพื่อป้องกันของเหลวลงไปคั่งที่บริเวณขาและเท้า
3.ลดปริมาณการรับประทานเกลือ ช่วยลดการเกิดน้ำส่วนเกินในร่างกายได้ ทำให้อาการบวมลดลง
4.ใส่เสื้อผ้าที่ไม่รัดแน่นจนเกินไป หลีกเลี่ยงการสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดบริเวณต้นขา หรือข้อเท้า เพราะอาจทำให้เท้าบวมได้
5.สวมผ้ารัดข้อเท้าหรือเท้า เพื่อช่วยลดอาการบวม
6.ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว การดื่มน้ำให้พอเหมาะทุกวันจะลดอาการบวมที่เกิดขึ้นและช่วยป้องกันอาการบวมได้
7.ออกกำลังกายเป็นประจำ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบไหลเวียนเลือด
แต่หากอาการบวมเกี่ยวข้องกับอาการเจ็บป่วยอื่น ๆ แพทย์จะเริ่มต้นรักษาที่ต้นเหตุก่อนเป็นอันดับแรก โดยวิธีหนึ่งที่ช่วยลดอาการบวมของเท้าซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถกำจัดน้ำและเกลือออกจากร่างกายได้คือ การใช้ยาขับปัสสาวะ ซึ่งใชัภายใต้คำสั่งแพทย์เท่านั้น
ขณะที่ผู้ป่วยเท้าบวมอันเนื่องมากจากการใช้ยา ควรปรึกษาแพทย์ผู้สั่งจ่ายยาเพื่อเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียในการใช้ยาดังกล่าวกับการรักษาอาการเจ็บป่วย หากยาดังกล่าวก่อให้เกิดอาการบวมอย่างรุนแรง แพทย์อาจสั่งหยุดยา ปรับเปลี่ยนขนาดยา หรือเปลี่ยนยาเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยมากที่สุด
ภาวะแทรกซ้อนเท้าบวม
เท้าบวมและข้อเท้าบวมอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้หลายอย่าง ความรุนแรงของอาการขึ้นอยู่กับสาเหตุ
1.ผิวหนังบริเวณที่บวมเปลี่ยนสี หรือมีแผลเปื่อยร่วมด้วย
2.เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ มีไข้ เป็นฝี มีภาวะเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบ เนื้อตาย และอาจรุนแรงจนทำให้เสียชีวิตได้
3.มีอาการเจ็บ หรือแน่นที่หน้าอกผิดปกติ
4.ครรภ์เป็นพิษ
5.วิงเวียนศีรษะ มึนงง รู้สึกเหมือนจะเป็นลม
6.มีปัญหาในการหายใจ คือหายใจถี่ หรือหายใจลำบาก
เท้าบวมไม่สามารถป้องกันได้ 100% ดังนั้นถ้ามีภาวะอาการเท้าบวม การรักษาเบื้องต้นที่บ้านก็คือ การยกเท้าขึ้นสูง ลดการรับประทานเค็ม ขยับขาบ่อย ๆ และควรมาพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง จะสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดอาการเท้าบวมซ้ำ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ ที่สำคัญ เท้าบวม วิธี แก้ ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยส่งเสริมที่จะทำให้เกิดอาการเท้าบวม healthdoo.today อย่างเช่นการรับประทานอาหารที่มีรสชาติเค็ม ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาวหรือหวาน รวมถึงขนมคบเคี้ยวด้วย