HealthDoo.Today

เว็บไซต์ความรู้ด้านสุขภาพ และความงาม

ยาคุมกำเนิด ตัวช่วยสำคัญ สำหรับสาว ๆ

ยาคุมกำเนิด

สังคมไทยในปัจจุบันจะป็นรูปแบบครอบครัวเดี่ยว มีลูกเมื่อพร้อมดังนั้นการคุมกำเนิดจึงเป็นตัวช่วยที่สำคัญ และวิธีที่สาว ๆ นิยมมาก คือ การรับประทาน ยาคุมกำเนิด เนื่องจากประหยัด สะดวก ปลอดภัย ยาคุมกำเนิด เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพมาก หากรับประทานอย่างถูกต้อง หากรับประทานที่ไม่ถูกวิธี จะทำให้การคุมกำเนิดเสื่อมประสิทธิภาพลง 

ยาคุมกำเนิดทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง ตัวอ่อนไม่สามารถฝังตัวได้ และยาคุมกำเนิด ออกฤทธิ์ ภายใน กี่ วัน ยังทำให้เมือกบริเวณปากมดลูกมีความเหนียวข้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้อสุจิไม่สามารถเข้ามาผสมกับไข่เพื่อปฏิสนธิได้ ชนิดของยาคุมกำเนิดแบบเม็ดมีทั้งหมด 3 ชนิดด้วยกัน ได้แก่

1.ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน รวมกันในเม็ดเดียว เป็นชนิดแนะนำให้ใช้กันทั่วไป ซึ่งใช้กันอยู่อย่างแพร่หลาย เพราะเป็นชนิดใช้ง่าย หาซื้อได้ทั่วไป ราคาไม่แพง และประสิทธิภาพการคุมกำเนิดสูง

2.ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน แบบเดี่ยว เหมาะกับสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร ในหนึ่งแผงจะมีทั้งหมด 28 เม็ด รับประทานได้ทุกวันโดยไม่ต้องหยุด เมื่อรับประทานหมดแล้วก็สามารถรับประทานแผงใหม่ต่อได้เลย เป็นชนิดที่ผลิตออกมาเพื่อลดอาการข้างเคียงจากฮอร์โมนเอสโตรเจน

3.ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฉุกเฉิน ควรใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เช่น ในกรณีถูกข่มขืน หรือมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ตั้งใจ ในแผงของยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมี 2 เม็ด เม็ดแรกให้กินทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ส่วนเม็ดที่ 2 ให้กินหลังจากนั้น 12 ชั่วโมง ซึ่งยาคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้นอาจมีประสิทธิภาพต่ำกว่ายาคุมกำเนิดชนิดแผงไม่แนะนำให้ใช้เป็นมาตรฐาน ควรใช้เฉพาะกรณีฉุกเฉินมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกันหรือการคุมกำเนิดที่ใช้อยู่ผิดพลาด เช่น ถุงยางแตก รั่วหรือ หลุด เป็นต้น

วิธีการรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม

วิธีรับประทานยาคุมมีหลายแบบด้วยกัน มีทั้งรับประทานยาคุมฉุกเฉิน, ยาคุมแบบ 21 เม็ด และยาคุมแบบ 28 เม็ด ชนิดเม็ดแต่ละแผง จะมีส่วนประกอบของฮอร์โมนเพศหญิง ที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งการตกไข่ ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการตั้งครรภ์ หากหยุดรับประทานก็สามารถกลับมามีโอกาสตั้งครรภ์ได้ตามปกติ เป็นการคุมกำเนิดที่ให้ได้ผลมากที่สุด อย่าลืมเช็กวันหมดอายุที่ระบุไว้บนแผง เพราะหากยาหมดอายุแล้ว ก็จะทำให้ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดลดลง และควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญ

เริ่มแรกให้รับประทานภายในวันที่ 5 ของวันที่มีประจำเดือน โดยนับวันแรกที่มีประจำเดือนเป็นวันที่ 1 หลังจากเริ่มรับประทานแล้วควรรับปรทานต่อเนื่องทุกวัน ในช่วงเวลาเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน เพื่อประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดที่ดีที่สุด โดยแบบ 21 เม็ด เมื่อกินจนหมดแผงแล้ว จะต้องเว้นไป 7 วันจึงจะสามารถเริ่มแผงใหม่ได้ ส่วนแบบ 28 เม็ด จะมีตัวยาจริงเพียง 21 เม็ด และมีเม็ดแป้งอีก 7 เม็ด (ซึ่งเสมือนเป็นยาหลอก) เหมาะสำหรับคนที่กลัวจะนับวันผิด จึงต้องกินต่อกันจนหมดแผง แต่ไม่ว่าจะกินแบบใด21 หรือ 28 เม็ด ก็ได้ผลในการคุมกำเนิดเท่ากัน

การรับประทานยาคุมกำเนิดจะต้องรับประทานเวลาเดิมทุกวัน หากลืมรับประทานยาจะทำให้ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดลดลง และหากลืมรับประทานยาคุมกำเนิดมากกว่า 3 ชั่วโมง ให้รับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ และรับประทานเม็ดต่อไปในเวลาเดิม สำหรับคนที่ลืมรับประทานยาหลายเม็ด ควรคุมกำเนิดด้วยการใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย หรือไม่ก็หยุดรับประทานยาแผงนั้นไปเลย แล้วจึงค่อยเริ่มต้นรับประทานใหม่เมื่อมีประจำเดือน สำหรับคนที่หยุดกินไปนานแล้ว เพิ่งจะมาเริ่มกินใหม่อีกครั้ง ควรเริ่มกินภายในวันที่ 1-5 ของวันที่มีประจำเดือนและควรใช้ถุงยางอนามัยร่วมไปด้วยใน 2 แผงแรกของการรับประทานยา เนื่องจากยายังอาจออฤทธิ์ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ยังมีโอกาสที่ไข่จะตกได้ 

ยาคุมกำเนิด ทำให้ประจำเดือนมาน้อยลง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้ร่างกายลดการเสียเลือด อีกทั้งยังส่งผลให้อาการปวดประจำเดือนลดลงด้วย เมื่อหยุดยาคุมกำเนิดเป็นเวลา 2-3 เดือน ก็สามารถตั้งครรภ์ได้ตามปกติ ไม่มีผลต่อการมีบุตรยากในอนาคตแต่อย่างใด

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงในอดีตของยาคุมกำเนิด ชนิดฮอร์โมนรวม มักทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ได้แก่ 

1.ยาคุมทำให้อาเจียน เพราะส่วนประกอบของยาคุมจะมีฮอร์โมนในปริมาณมาก อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ โดยอาการนี้มักจะเกิดในคนที่อายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป 

2.น้ำหนักเพิ่ม บวมน้ำ

3 ฝ้า กระขึ้นบนใบหน้า โดยแฉพาะบริเวณแก้ม จมูก ซึ่งเป็นบริเวณที่ได้รับแสงมาก

4.ยาคุมเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ทำให้เกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือดสมอง

ข้อแนะนำในการรับประทานยาคุม

1.ควรรบประทานยาคุมกำเนิด ในเวลาเดิมทุกวัน 

2.ห้ามรับประทานยาคุมกำเนิดหลังวันหมดอายุที่แจ้งไว้บนแผงยา

3.แนะนำให้งดการสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่จะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ เพราะยาคุมกำเนิดมีฮอร์โมนที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคลิ่มเลือดอุดตัน

4.หากมีอาการท้องเสีย ถ่ายเหลว และอาเจียนซึ่งมีผลทำให้การดูดซึมของยามีปรสิทธิภาพลดน้อยลง จึงควรใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัย เป็นต้น

5.สำหรับสตรีที่อยู่ในระยะให้นมบุตร ควรใช้ยาคุมกำเนิดชนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนเพียงอย่างเดียว

การคุมกำเนิดเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนครอบครัว ปัจจุบันการรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดยังเป็นวิธีที่นิยมใช้กัน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก่อนรับประทานยาคุมกำเนิดแผงใหม่ทุกครั้ง ควรตรวจเช็คดูวันหมดอายุก่อนใช้ยา ยาคุมกำเนิด ออกฤทธิ์ ภายใน กี่ วัน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด และยาคุมแบบ 21 เม็ด และ 28 เม็ด ไม่ได้แตกต่างกัน เพียงแต่แบบ 28 เม็ด มียาจริง 21 เม็ด และยาหลอกอีก 7 เม็ด เพื่อป้องกันการนับวันผิดนั่นเอง ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุว่า ทำไมจึงควรรับประทานยาคุมตามลูกศรนั่นเอง ยาคุมกำเนิดอาจเป็นตัวช่วยเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ที่ให้ผลดี แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นยาคุมกำเนิดก็ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ดังนั้น healthdoo.today ขอแนะนำว่าควรมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย เช่น ผัวเดียวเมียเดียว หรืออาจใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย