โรคผิวหนังอักเสบคือ สาเหตุ อาการ การดูแลรักษาและป้องกัน
Table of Contents
โรคผิวหนังอักเสบ
โรคผิวหนังอักเสบ คือการอักเสบแดงคันของผิวหนัง มีสาเหตุแตกต่างกันไปตามชนิดที่เป็น เช่น ผื่นผิวหนังอักเสบภูมิแพ้เกิดจากความแห้งของผิว โดยอาจเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การติดเชื้อที่ผิวหนัง การได้รับอาหารบางอย่าง หรือสารก่อภูมิแพ้บางอย่าง หรือปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน
![โรคผิวหนังอักเสบ โรคผิวหนังอักเสบ](https://healthdoo.today/wp-content/uploads/2020/01/Dermatitis45645646456456.jpg)
ผิวหนังอักเสบที่พบบ่อย ได้แก่ โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง โรคเซบเดิร์ม และผื่นระคายสัมผัส อย่างไรก็ตาม โรคนี้จะไม่ติดต่อสู่ผู้อื่น แต่อาจทำให้รู้สึกคันหรือระคายเคือง และเสียความมั่นใจเพราะลักษณะผิวหนังที่ผิดปกติได้
สาเหตุของโรคผิวหนังอักเสบ
สาเหตุของผิวหนังอักเสบ มีดังนี้
![สาเหตุของโรคผิวหนังอักเสบ สาเหตุของโรคผิวหนังอักเสบ](https://healthdoo.today/wp-content/uploads/2020/01/4568687676.jpg)
1.การอักเสบของผิวหนัง
เกิดขึ้นได้จากสาเหตุที่หลากหลาย สารหลายชนิดเป็นต้นเหตุที่สำคัญ ในบางรายอาจตรวจไม่พบสารที่เป็นสาเหตุ เมื่อเกิดการอักเสบจะแสดงออกมาได้หลายรูปแบบ ทั้งนี้แล้วแต่ระยะของโรค เช่น เป็นชนิดเฉียบพลัน หรือชนิดเรื้อรัง
2.โดยทั่วไปสามารถแบ่งตามสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค
ออกเป็นสองประเภท สาเหตุจากภายนอกร่างกาย และสาเหตุจากภายในร่างกาย
3.สาเหตุจากภายนอกร่างกาย
เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างผิวหนังกับสารเคมีที่สัมผัสผิวหนัง ส่วนมากเป็นสารที่พบเห็นหรือสัมผัสอยู่ในชีวิตประจำวัน ประเภทเครื่องใช้ประจำวัน เครื่องประดับต่าง ๆ เป็นต้น บางครั้งจึงอาจเรียกว่าผื่นระคายสัมผัส
4.ผิวหนังอักเสบที่เกิดจากสาเหตุภายในร่างกาย
เกิดเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย มักเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม มักเริ่มเป็นตั้งแต่เด็ก ๆ และเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาภูมิไวเกินของร่างกาย
อาการของโรคผิวหนังอักเสบ
![อาการของโรคผิวหนังอักเสบ อาการของโรคผิวหนังอักเสบ](https://healthdoo.today/wp-content/uploads/2020/01/Symptoms-of-dermatitis.jpg)
ผิวหนังอักเสบแต่ละชนิดเกิดขึ้นตามบริเวณร่างกายที่แตกต่างกันไป อาจทำให้มีอาการและลักษณะแตกต่างกันเล็กน้อย และผิวหนังอักเสบบางชนิดพบได้ทั่วไป โดยสังเกตอาการ ดังนี้
ผิวหนังอักเสบบางชนิดพบได้ทั่วไป โดยสังเกตอาการ ดังนี้
1.โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis)
มักเริ่มเป็นตั้งแต่อยู่ในวัยทารก ก่อให้เกิดผื่นคันและแดงตามผิวหนัง และมักจะขึ้นบริเวณข้อพับแขน ข้อพับขา และลำคอด้านหน้า เมื่อเกามาก ๆ อาจมีหนองไหลหรือเกิดเป็นสะเก็ดหนองตามมา ซึ่งผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้อาจมีอาการดีขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ แต่ก็อาจกลับไปเป็นอีกได้เรื่อย ๆ
2.ผื่นระคายสัมผัส (Contact Dermatitis)
เป็นผื่นที่เกิดขึ้นตามผิวหนังบริเวณที่สัมผัสโดนสารก่อความระคายเคืองหรือสารก่อภูมิแพ้ เช่น สารเคมีในชีวิตประจำวัน ได้แก่ สบู่ ผงซักฟอก หรือน้ำยาซักล้างต่าง ๆ เป็นเวลานานและบ่อยครั้ง บางคนอาจเกิดจากการสัมผัสดอกไม้ พืชผักบางชนิด หรือสาเหตุอื่น ๆ เช่น ยางสังเคราะห์ โลหะ สีย้อมผม สารแต่งกลิ่นต่าง ๆ เป็นต้น
3.โรคเซบเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis)
เป็นโรคที่ทำให้ผิวหนังเป็นแผ่นตกสะเก็ดและมีอาการแดง หากเป็นที่ศีรษะจะเกิดเป็นรังแคเรื้อรัง โดยมักเป็นตามผิวหนังที่มีความมัน เช่น ใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณเปลือกตาและจมูก หน้าอกส่วนบน และหลัง ทั้งนี้ ผู้ป่วยอาจมีอาการเรื้อรัง เป็น ๆ หาย ๆ เป็นเวลานาน
4.ผื่นผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มใส (Dyshidrotic Eczema)
เป็นอีกผิวหนังอักเสบที่พบได้บ่อย แต่เป็นโรคที่คนทั่วไปมีความรู้ความเข้าใจทางการแพทย์อยู่น้อยมาก โดยทั่วไปมักส่งผลต่อบริเวณมือ บางครั้งเกิดขึ้นที่เท้า ทำให้มีผื่นคันร่วมกับตุ่มใสพุพองเม็ดเล็ก ๆ ตามง่ามนิ้วมือ นิ้วเท้า ฝ่ามือ หรือฝ่าเท้า
5.ผื่นผิวหนังอักเสบที่ข้อเท้า (Stasis Dermatitis)
มักทำให้เกิดอาการบวม ผิวหนังตกสะเก็ดบริเวณขาส่วนล่าง บางครั้งมีแผลเปื่อยหรือแผลเปิดด้านในของขาส่วนล่างและรอบ ๆ ข้อเท้า พบในผู้ป่วยที่มีการไหลเวียนของเลือดในเส้นเลือดดำในขาไม่ดี
6.ผิวหนังอักเสบเรื้อรัง (Lichen Simplex Chronicus)
เป็นภาวะที่ส่งผลให้ผิวหนังหนาขึ้น มักพบบริเวณคางและคอ
7.โรคผื่นผิวหนังรูปเหรียญบาท (Nummular Eczema)
มักพบในผู้ที่มีผิวแห้งหรืออาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศแห้ง มักปรากฏเป็นแผ่นผิวหนังที่มีความหนาและแดง ลักษณะกลม ๆ คล้ายเหรียญบาท ร่วมกับอาการคัน ผิวเป็นขุยหรือมีสะเก็ดหนอง ซึ่งจะพบได้บ่อยตามขาส่วนล่าง รวมถึงตามแขน มือ ลำตัว
8.โรคผื่นผิวแห้ง (Xerotic Eczema)
เป็นโรคที่จะส่งผลให้ผิวแตกแห้งและมีน้ำหนองไหลออกมาเมื่อผิวแห้งมากจนเกินไป
อาการของผิวหนังอักเสบที่ควรไปพบแพทย์ มีดังนี้
-รู้สึกเจ็บที่ผิวหนัง หรือมีอาการคันรบกวนจนทำให้นอนไม่หลับหรือเกิดปัญหาในการทำกิจวัตรประจำวัน
-เมื่อลองรักษาด้วยยาที่หาซื้อได้เอง เช่น ครีมไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone) แล้วยังไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งอาจบ่งบอกว่าผู้ป่วยควรได้รับการรักษาด้วยยาที่รุนแรงกว่านี้
-เกิดตุ่มหนองบนแผ่นผิวหนังที่มีอาการอักเสบ อาจแสดงถึงการติดเชื้อแบคทีเรีย และควรต้องได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
-บริเวณที่เกิดการอักเสบของผิวหนังมีตุ่มน้ำเล็ก ๆ ทำให้รู้สึกเจ็บอยู่จำนวนมาก โดยอาจเป็นการติดเชื้อเริมที่เกิดในผู้ป่วยโรคผิวหนัง ซึ่งแม้จะพบได้ไม่บ่อย แต่ก็สามารถทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้จากการติดเชื้อไวรัสโรคเริมนี้
-ระหว่างที่เกิดภาวะผิวหนังอักเสบ มีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคผิวหนังติดเชื้อจากไวรัส เช่น เริมที่ปาก หรือเริมที่อวัยวะเพศ เนื่องจากการมีภาวะผิวหนังอักเสบอยู่แล้วจะยิ่งเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อโรคเริม
การรักษาโรคผิวหนังอักเสบ
การรักษาผิวหนังอักเสบมีวิธีรักษา ดังนี้
![การรักษาโรคผิวหนังอักเสบ](https://healthdoo.today/wp-content/uploads/2020/01/Dermatitis-treatment.jpg)
1.หลีกเลี่ยงสาเหตุและปัจจัยทำให้โรคกำเริบมากขึ้น ได้แก่
– สบู่ ควรใช้สบู่อ่อน ๆ หรือถ้าเป็นไปได้ไม่ควรใช้สบู่อาบน้ำทุกครั้งที่อาบน้ำ เพราะการใช้บ่อยเกินไปยิ่งทำให้ผิวแห้ง กระตุ้นให้ผื่นคันมากขึ้น
– ผงซักฟอก เลือกชนิดระคายเคืองน้อย เช่น ผงซักฟอกสำหรับเสื้อผ้าเด็กทารก และควรซักล้างออกให้หมดด้วยการซักน้ำเปล่า
– เสื้อผ้า เลือกใช้เสื้อผ้านุ่ม โปร่งสบาย ผ้าแพร ผ้าฝ้าย โดยหลีกเลี่ยงผ้าขนสัตว์
– หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ทำให้เหงื่อออกมาก ๆ
– หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ ทั้งทางผิวหนัง สูดดมหรือรับประทาน
– ลดความเครียด ความวิตกกังวล
2.ลดอาการคันและหลีกเลี่ยงการเกา
ซึ่งการรับประทานยาต้านฮีสตามีนจะช่วยลดอาการคันได้บ้างและได้ผลดีสำหรับบางคนเท่านั้น จึงควรพิจารณาใช้เมื่อจำเป็น เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงจากยาและการใช้ยาโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ต้องลดการเกาผื่น เนื่องจากการเกาจะทำให้ผื่นผิวหนังที่อักเสบกำเริบหรือเห่อมากขึ้น
3.รักษาผิวแห้งโดยการทามอยส์เจอไรเซอร์ หรือโลชั่น
โดยควรทาหลังอาบน้ำภายใน 3-5 นาที หลังจากนั้นถ้าผิวยังแห้งมาก ควรทาเพิ่มเติม สามารถทาได้วันละหลาย ๆ ครั้ง
4.ยาทาสเตียรอยด์ มีฤทธิ์ลดการอักเสบของผื่นผิวหนัง
แต่ควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพราะโรคกลุ่มนี้ต้องใช้ยาเป็นเวลานาน ซึ่งอาจมีผลข้างเคียงถ้าใช้ยาไม่ถูกต้อง
5.รักษาโรคแทรกซ้อน
ถ้ามีตุ่มหนองบริเวณที่เป็นตุ่มหรือผื่นแดง แสดงว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ควรปรึกษาแพทย์ เพราะผู้ป่วยอาจต้องได้รับยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
6.การรักษาอื่น ๆ
เช่น การฉายแสงอัลตราไวโอเล็ต (UV) การรับประทานยากดภูมิคุ้มกัน ควรพิจารณาใช้ในรายที่เป็นรุนแรงมาก เป็นบริเวณกว้าง หรือไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ข้างต้น โดยการใช้ยาในกลุ่มนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ภาวะแทรกซ้อนของผิวหนังอักเสบ
![ภาวะแทรกซ้อนของโรคผิวหนังอักเสบ](https://healthdoo.today/wp-content/uploads/2020/01/Complications-of-dermatitis.jpg)
อาการคันอย่างรุนแรงจากภาวะผิวหนังอักเสบอาจรบกวนการนอนหลับ ทำให้พักผ่อนได้ไม่เพียงพอ จนส่งผลให้รู้สึกง่วงหรืออ่อนเพลียในระหว่างวัน นอกจากนี้การอักเสบของผิวหนังยังอาจทำให้เกิดแผลเปิด ซึ่งมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนของโรคผิวหนัง คือ การติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อรา
การป้องกันโรคผิวหนังอักเสบ
ผิวหนังอักเสบเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมและป้องกันการกำเริบของผิวหนังอักเสบได้ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
-ใช้ครีมบำรุงผิวเป็นประจำ โดยเฉพาะช่วงหลังอาบน้ำใหม่ ๆ ภายในประมาณ 3 นาทีหลังอาบน้ำและระหว่างวัน
-เลือกใช้สบู่ที่อ่อนโยนต่อผิว
-หลีกเลี่ยงการอาบน้ำด้วยน้ำอุ่น
-หลีกเลี่ยงการอาบน้ำนาน ๆ โดยอาจอาบเพียงแค่ 5-10 นาที จากนั้นเช็ดตัวด้วยผ้าขนหนูนุ่ม ๆ
-หลีกเลี่ยงการเกาหรือขัดถูผื่นผิวหนังอักเสบ เพราะอาจทำให้ผื่นแย่ลง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ผิวหนัง
-หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอมหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม
-สวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากใยธรรมชาติและไม่คับแน่นจนเกินไป
-หลีกเลี่ยงสารที่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองหรือสารก่อภูมิแพ้
ขอบคุณข้อมูลจาก..
1. https://www.honestdocs.co/different-types-of-dermatitis
2. http://www.bangkokhealth.com/index.php/health/health-system/skin/1233-โรคผิวหนังอักเสบ.html
3. https://www.pobpad.com/ผิวหนังอักเสบ
4. https://med.mahidol.ac.th/ramachannel/old/index.php/knowforhealth-20141225-1/
5. https://www.honestdocs.co/different-types-of-dermatitis