กลิ่นตัวแรงมีขั้นตอนการดูแลรักษาอย่างไรเพื่อลดกลิ่นตัว
Table of Contents
กลิ่นตัวแรง
ปัญหาใหญ่ ของใครหลาย ๆ คน ยิ่งในอากาศร้อน ๆ อย่างบ้านเรา ไม่ต้องพูดถึง อาบน้ำเสร็จแค่ก้าวขาออกมาจากห้องน้ำ เหงื่อก็แทบจะเต็มกลางหลังแล้ว
บางคนมีกลิ่นตัวที่แรงมาก อยู่ใกล้ใครต้องขยับตัวออกห่าง ซึ่งบางคนก็รู้ตัวดี แต่ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร ยิ่งพรมน้ำหอมเพื่อกลบกลิ่น ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่รู้ว่ากลิ่นอะไรเป็นกลิ่นอะไร ยิ่งทำให้กลิ่นตัวเหม็นมากกว่าเดิมอีก
กลิ่นตัวคือ
กลิ่นตัว คือกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ เกิดจากต่อมเหงื่อที่ทำงานหนัก เพื่อควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย ทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมากโดยเฉพาะที่บริเวณรักแร้ ฝ่ามือ เท้า หรือขาหนีบ โดยเฉพาะอากาศร้อน ๆ เมื่อเหงื่อสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังจึงทำให้เกิดกลิ่นตัวหรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ขึ้น
และช่วงวัยที่มีกลิ่นตัวแรงคือ ช่วยวัยรุ่น วัยหนุ่มสาว เป็นช่วงที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโตเต็มที่มีการผลิตฮอร์โมนในร่างกายมาก ส่วนใหญ่แล้วสามารถพบกลิ่นตัวได้ในเพศชายมากกว่าเพศหญิง เนื่องจากในเพศชายนั้นมีการผลิตต่อมเหงื่อที่ค่อนข้างจะเยอะกว่า
สาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นตัวแรง
-ต่อมเหงื่อในร่างกาย
เกิดจากต่อม apocrine ซึ่งเป็นต่อมเหงื่อที่มีกลิ่น ซึ่งมักจะกระจายตัวอยู่บ้างตามรูขุมขนบนหนังศีรษะตามรักแร้ ขาหนีบ ก้น และแผ่นหลัง เหงื่อชนิดนี้จะมีลักษณะเหนียวใสคล้ายขี้ผึ้ง
มีส่วนผสมของไขมันอยู่มาก นั่นทำให้เวลาเหงื่อชนิดนี้ออกมาก็จะเกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้
-การทานอาหารรสจัด
การทานเผ็ดจัด เค็มจัด เปรี้ยวจัด หรืออาหารที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศ กลิ่นแรงอย่าง กระเทียม หัวหอม ข่า ตะไคร้ เครื่องแกะกะหรี่ พริก พริกไทย หรือผลไม้ที่มีสารกำมะถันอย่าง ทุเรียน สะตอ ชะอม ฯลฯ
อาหารเหล่านี้มีส่วนทำให้เกิดได้มากกว่าคนที่ไม่ได้ทาน หรือคนที่ทานน้อยกว่า เพราะอาหารเหล่านี้เป็นตัวขับเหงื่อออกมาอย่างดี เมื่อมีเหงื่อเยอะบวกกับร่างกายไม่ได้รับการทำความสะอาดที่ดีพอก็ทำให้เกิดกลิ่นตัวแรงได้
-น้ำหนักเกินมาตรฐาน
น้ำหนักตัวก็มีส่วนทำให้เกิดกลิ่นตัวแรง ลองสังเกตดูว่าคนอ้วนมักมีกลิ่นตัวเหม็นกว่าคนที่ผอมกว่า เพราะต่อมเหงื่อตามรักแร้ ขาหนีบ ผลิตเหงื่อออกมามากกว่าคนผอม
-การรับประทานอาหารมัน อาหารทอด เนื้อแดง
การทานเนื้อสัตว์ใหญ่ และของมัน ของทอด ก็มีส่วนทำให้กลิ่นตัวเหม็น แถมยังกระตุ้นการทำงานของต่อมเหงื่อบริเวณรักแร้ ขาหนีบ ให้มีเหงื่อออกมาอีกด้วย
-ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่ไม่เหมาะกับตัวเอง ก็มีส่วนทำให้เกิดกลิ่นตัวเหม็นได้เหมือนกัน
-การใช้ยารักษาภาวะซึมเศร้า ก็มีส่วนการกินยาบางชนิดจะทำให้ภาวะร่างกายหลั่งเหงื่อมากผิดปกติ
-การป่วยเป็นโรคบางอย่าง
อาจทำให้มีกลิ่นเฉพาะตัวออกมาได้ เช่น โรคทางสมอง โรคหัวใจ วัณโรค ไทรอยด์ คอหอยพอก โรคตับ โรคไต หรือแม้แต่โรคเบาหวาน อาจจะมีกลิ่นตัวคล้ายผลไม้ออกมา
-เกิดจากภาวะผิดปกติของร่างกาย
การทำงานที่บกพร่องของระบบเผาเผลาญอาหารบางระบบ หรือระบบการย่อยของเอนไซม์ ทำให้ร่างกายสร้างเคมีบางชนิดที่มีกลิ่นแล้วขับออกมาทางเหงื่อ
-การใส่เสื้อผ้าที่หนาระบายเหงื่อไม่ได้ดี ทำให้เกิดความอับชื้น ส่งผลทำให้เกิดกลิ่นตัวได้
-สภาพอากาศ ยิ่งอากาศร้อนจัด หรือร้อนชื้น ทำให้เหงื่อออกมากก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดกลิ่นตัวได้ง่ายเช่นกัน
กลิ่นตัวเหม็นมีขั้นตอนการดูแลรักษาอย่างไรเพื่อลดกลิ่นตัว
การรักษาโรคกลิ่นตัวแรง
อาบน้ำอย่างสม่ำเสมอ
ควรอาบน้ำให้สะอาดอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และจะต้องอาบอย่างทั่วถึงทุกซอกทุกมุมในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจุดอับชื้นหรือตามข้อพับ สครับรักแร้อาทิตย์ละ 3 ครั้ง
และใช้สบู่ที่ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย อีกทางหนึ่งก็คือการทำลายเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรคที่ผิวหนัง เช่น การใช้สบู่ผสมยาฆ่าเชื้อหรือการทายาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อรา และในบางรายอาจต้องใช้การรับประทานยาร่วมด้วย
อย่าปล่อยให้ขนขึ้นยาวเกินไปให้โกนขนออก
ไม่ว่าจะเป็นขนรักแร้ของผู้หญิง หรือผู้ชายบางคนจะมีขนขึ้นยาวทั้งตัว ซึ่งเป็นบ่อเกิดของการสะสมเชื้อแบคทีเรียจนเกิดกลิ่นได้
การดีทอกซ์ (Detox) สารพิษ
ที่สะสมอยู่ในร่างกายก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการเกิดกลิ่นตัวได้เหมือนกัน การดีทอกซ์เป็นประจำก็อาจจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้
เลือกใช้แป้งดับกลิ่นตัว
โดยการนำมาใช้ทาให้ทั่วหลังอาบน้ำเสร็จ โดยเฉพาะบริเวณรักแร้ที่ให้เน้นทาเป็นพิเศษหน่อย เพราะเป็นจุดอับที่เป็นตัวแพร่ขยายของแบคทีเรียได้
เลือกใช้โรลออน
หรือสเปรย์ระงับกลิ่นตัว ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
เลือกใช้สารส้ม (Focal)
หลังอาบน้ำทุกครั้งเพื่อช่วยดับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ใต้วงแขนได้อย่างดีเยี่ยม
การทำโบท็อกซ์ (Botox)
เป็นการฉีดโบท็อกซ์รักแร้ คือการฉีดสารที่ช่วยลดเหงื่อเข้าไป บริเวณรักแร้ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อไปขวางการทำงานของต่อมเหงื่อ และต่อมกลิ่นบริเวณใต้วงแขน ให้สามารถทำงานได้ลดน้อยลง สามารถช่วยลดเหงื่อ และกลิ่นตัวได้ประมาณ 35-80%
การทำโบท็อกซ์สามารถช่วยได้ระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากโบท็อกซ์จะสลายไปเองตามเวลา ดังนั้นจึงต้องมีการไปฉีดซ้ำอยู่เรื่อย ๆ โดยการที่ฉีด 1 ครั้ง สามารถให้ผลประมาณ 3-4 เดือนขึ้นไป
โดยการฉีดโบท็อกซ์รักแร้จะต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะอาศัยความเชี่ยวชาญ และความชำนาญของแพทย์ในการคำนวณปริมาณ และการฉีดที่แม่นยำ
ส่วนราคาค่ารักษาในการฉีด Botox ลดเหงื่อ อยู่ที่ประมาณ 18,000 บาท/100 UNIT สามารถสอบถามได้ที่คลินิกที่ท่านจะเข้ารับการบริการได้เลย
การทำ miraDry เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยในการแก้ไขปัญหาเหงื่อ
โดยการใช้พลังงาน microwaveในการทำลายต่อมเหงื่อ และต่อมกลิ่น อีกทั้งสามารถกำจัดรากขนบางส่วนได้อีกด้วย สามารถแก้ไขปัญหาได้ตลอดชีพ โดยไม่จำเป็นต้องทำซ้ำหลายครั้ง และยังมีความปลอดภัยสูง โดยได้รับอนุญาตจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา
และไทย หรือ FDA ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาเหงื่อ และกลิ่นตัวแบบถาวร โดยวิธีนี้จะออกแบบมาเพื่อใช้กับต่อมเหงื่อใต้วงแขนหรือรักแร้เท่านั้น ส่วนค่าใช้จ่ายในการทำ miraDry ราคาเริ่มต้นที่ 35,000 บาท ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละคลินิก
การใช้ไอออนโตฟอเรซิส
การทำไอออนโตที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า วิธีนี้สามารถรักษาภาวะเหงื่อออกมาจากฝ่ามือและฝ่าเท้าได้พอสมควร เป็นวิธีการผ่านตัวยาเข้าสู่ผิวหนังโดยอาศัยกระแสไฟฟ้าในการผลักดันยาหรือสารละลายที่มีประจุเข้าสู่ผิวหนัง
โดยหลักการประจุบวกผลักบวก ประจุลบผลักลบ โดยใช้น้ำประปาในการทำไอออนโตฟอเรซิส พบว่าได้ผลดี และค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งก็ไม่แพง
การใช้เทคโนโลยี Ultra Dry รักษากลิ่นตัว
หลักการทำงานของ Ultra Dry จะเป็นการส่งพลังงานความร้อนจากคลื่นความถี่วิทยุ (High Power Focused Radio Frequency) โดยส่งพลังงานคลื่นวิทยุไปจับกับโมเลกุลน้ำในต่อมเหงื่อ และทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนระหว่างโมเลกุลนับล้าน ๆ ครั้งต่อวินาทีในการส่งพลังงาน 1 ครั้ง
ทำให้เกิดความร้อน และทำลายเซลล์ต่อมเหงื่อ หยุดการผลิตเหงื่ออย่างถาวร ข้อดีของวิธีใหม่นี้คือ ไม่เจ็บ และค่าใช้จ่ายยังไม่แพงอีกด้วย แต่อาจจะต้องทำประมาณ 3-4 ครั้ง ถือว่าเป็นอีกทางเลือกที่ดีสำหรับคนมีปัญหาเหงื่อออกมาก เมื่อเหงื่อลดลง
กลิ่นตัวก็จะลดลง ช่วยลดเหงื่อที่ออกมากผิดปกติ เช่น ที่รักแร้ ฝ่ามือฝ่าเท้า สามารถเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำการรักษา โดยเหงื่อจะค่อย ๆ ลดลง ปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ โดยที่ค่ารักษาลดเหงื่อ ด้วยเครื่อง Ultra Dry ประมาณ 4,000 บาท/ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละโปรโมชั่นของแต่ละคลินิกด้วย
การป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่นตัวแรง
-อาบน้ำวันละ 2 ครั้ง หรือทุกครั้งหลังออกกำลังกาย เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรก และกำจัดเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง หลังอาบน้ำควรเช็ดตัวให้แห้ง
-ดูแลความสะอาดของรักแร้เป็นพิเศษ เพราะรักแร้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว ควรอาบน้ำและทำความสะอาดบริเวณรักแร้ให้สะอาดโดยใช้สบู่
หรือผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงอย่าปล่อยให้ขนรักแร้ยาว เพราะขนสามารถทำให้เกิดกลิ่นตัวเหม็นได้
-สวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาด หมั่นทำความสะอาดเสื้อผ้าเป็นประจำ ไม่ใส่เสื้อผ้าซ้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าทุกวัน รวมถึงชุดชั้นในและถุงเท้าด้วย จะทำให้เกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้
-เลือกอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีเหงื่อออกมาก ๆ ในคนหมู่มาก
-เลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นแรง อาหารจำพวกเนื้อสัตว์ และเครื่องเทศ ปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยไขมัน หรืออาหารที่มีกลิ่นแรง
-ควรปรึกษาแพทย์ หากพบว่ามีเหงื่อหรือกลิ่นตัวเหม็น ซึ่งอาจเกิดจากความผิดปกติในร่างกายที่เรียกว่าภาวะหลั่งเหงื่อมาก เพื่อแพทย์จะได้วินิจฉัยและทำการรักษาที่เหมาะสมต่อไป