HealthDoo.Today

เว็บไซต์ความรู้ด้านสุขภาพ และความงาม

คอลลาเจนคืออะไร มีประโยชน์อย่างไรและหาจากไหนได้บ้าง

คอลลาเจน

ในยุคนี้คงไม่มีใครที่จะไม่คุ้นเคยกับคำว่า คอลลาเจน (Collagen) เพราะเป็นสารอาหารยอดนิยมที่จะเข้าไปช่วยบำรุงให้ผิวพรรณของเราดูใส ดูอ่อนวัยขึ้นหากรับประทานเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง นิยมบริโภคกันในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องดื่ม หรือแม้กระทั่งผสมลงไปในขนมคบเขี้ยว

คอลลาเจน

เช่น น้ำผลไม้ผสมคอลลาเจน ลูกอมผสมคอลลาเจน หรือแม้แต่เยลลี่ผสมคอลลาเจนก็มี และนอกจากนี้ยังพบในเครื่องสำอางอีกด้วยค่ะ จะเห็นได้ว่า คอลลาเจนอยู่ในส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท

ซึ่งถ้าอยากจะลองซื้อมาทดลองใช้ แนะนำให้ศึกษาหาข้อมูลให้ละเอียดครบถ้วนเสียก่อน มิเช่นนั้นอาจเกิดผลเสียตามมาทีหลังก็เป็นได้ ต่อไปเรามาดูว่าคอลลาเจนคืออะไรและมีประโยชน์อย่างไรพร้อมแล้วเราไปดูกันเลยค่ะ

คอลลาเจน คือ

คอลลาเจนคือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่มีการรวมตัวของกรดอะมิโน (amino acid) หลายชนิดต่อกันเป็นสายยาว ที่สำคัญ ได้แก่ glycene prolene และ hydroxyprolene เส้นใยคอลลาเจนมีลักษณะเป็นสายเกลียวที่มีหน่วยโมเลกุลเกี่ยวพันกันมากมาย

โดยปกติผิวหนังมีคอลลาเจนเป็นโครงสร้างอยู่มาก ผิวหนังของมนุษย์จึงมีความยืดหยุ่น แต่นอกจากผิวหนังแล้ว ร่างกายของมนุษย์เรายังมีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบของ

กระดูกอ่อน เอ็นกล้ามเนื้อและกระดูก ข้อต่อ ขน เส้นผม รวมถึงเนื้อเยื่อทั้งหมดในร่างกาย ซึ่งคอลลาเจนเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เซลล์ยึดเกาะกัน

 

คอลลาเจน มีกี่ชนิด ?

คอลลาเจนมีอยู่มากมายหลายชนิดแต่ที่รู้จักกันทั่วไปมีอยู่ 4 ชนิด ได้แก่

1.คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) หรือ คอลลาเจนไทพ์ 1

คอลลาเจนชนิดนี้ส่วนใหญ่จะพบในสัตว์ชั้นสูงและอยู่ในส่วนของหนังแท้ เอ็น พังผืด เนื้อกระดูกแข็ง สำหรับคอลลาเจนชนิดที่ 1 นี้จะประกอบไปด้วยกรดอะมิโนไกลซีน

มีประมาณ 1 ใน 3 ของกรดอะมิโนทั้งหมด ส่วนของกรดอะมิโนที่ไม่บิดเป็นเกลียวสั้นที่ประกอบด้วยฮิสติดีน และไทโรซีน

2.คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type II) หรือ คอลลาเจนไทพ์ 2

เป็นคอลลาเจนชนิดเดียวกับที่พบในเซลล์กระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ แตกต่างจากคอลลาเจนที่พบในเซลล์ผิวหนัง ซึ่งจะเป็นคอลลาเจนชนิดที่ 1, 3 และ 4 คอลลาเจนชนิดนี้ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของส่วนประกอบที่อยู่ในข้อ

โดยกระตุ้นให้มีการสังเคราะห์เซลล์ใหม่เพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่มระดับของกรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic acid) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของน้ำหล่อเลี้ยงในข้อ และคอลลาเจนชนิดนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวดข้อและข้อยึดได้ ทำให้การเคลื่อนไหวของร่างกายดีขึ้นอีกด้วยค่ะ

3.คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Collagen Type III) หรือ คอลลาเจนไทพ์ 3

คอลลาเจนชนิดนี้สามารถพบได้น้อยมากและมักพบในผิวหนังที่สร้างใหม่ เช่น ผิวหนังที่เป็นแผล หลอดเลือด และส่วนมากจะพบในผิวของเด็ก ผิวเด็กจึงดูนุ่มเนียน เต่งตึง

4.คอลลาเจนชนิดที่ 4 (Collagen Type IV) หรือ คอลลาเจนไทพ์ 4

คอลลาเจนชนิดนี้เป็นคอลลาเจนที่มีลักษณะจำเพาะ โดยสามารถพบได้เฉพาะบริเวณเส้นใยฝอยของเยื่อบุผิวแผ่นบาง ๆ ในบริเวณนอกเซลล์นั่นเองค่ะ

ประโยชน์ของคอลลาเจน
CR. https://zammex.com/blogs/zammex-blog/proven-benefits-of-collagen-supplementation

ประโยชน์ของคอลลาเจน

หลัก ๆ แล้วคอลลาเจนเป็นโปรตีนใต้ผิวหนังที่คอยยึดเซลล์ผิวให้เต่งตึง แต่อย่างที่บอกว่ากาลเวลาสามารถพรากคอลลาเจนไปจากผิวของเราได้ ดังนั้นประโยชน์ของคอลลาเจนที่เด่นมาก ๆ

คือ ช่วยเติมเต็มผิวหย่อนคล้อยให้กลับมาเรียบตึง อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาผิวที่ถูกความร้อนหรือรังสียูวีเผาไหม้จนกลายเป็นผิวเสียได้อีกด้วยค่ะ

 

ร่างกายขาดคอลลาเจนจะเป็นอย่างไร

-ผิวหนังแห้งกร้าน ไม่เต่งตึง ดูหยาบกระด้าง

-ริ้วรอยเหี่ยวย่น ดูแก่ก่อนวัย

-กระดูก และ ข้อต่อเสื่อม มีเสียงดังกร๊อบแกร๊บขณะเดินหรือลุก

-มีอาการเจ็บเข่า ปวดหลัง ปวดเอว

-ระบบไหลเวียนโลหิตเสื่อม

-การเผาผลาญไขมันด้อยลง ทำให้อ้วนง่าย

-สุขภาพโดยรวมไม่ดี

-บาดแผลหายช้า

-ผมไม่แข็งแรง ผมขาดหลุดร่วงง่าย

 

คอลลาเจนสามารถหาได้จากที่ไหน

นอกจากคอลลาเจนจะสามารถผลิตขึ้นได้เองภายในร่างกายของมนุษย์แล้ว เรายังสามารถหาคอลลาเจนจากแหล่งอาหารอื่น ๆ ได้ดังนี้

1. ถั่วเหลือง

ถั่วเหลือง

ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองทุกชนิดมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า ไอโซฟลาโวน มีส่วนช่วยเร่งการผลิตคอลลาเจน ยกกระชับผิวพรรณให้เต่งตึง แถมช่วยบล็อกเอนไซม์ตัวร้ายที่จะทำร้ายผิวให้หย่อนคล้อยมีรอยตีนกา

2. ผักใบเขียว

ผักใบเขียว

ผักใบเขียวทุกชนิด เช่น ผักคะน้า ผักกาดหอม ผักสลัด ผักโขม กะหล่ำปลี ผักเคล และหน่อไม้ฝรั่ง ผักสีเขียวทั้งหมดนี้ขึ้นชื่อว่ากระตุ้นการผลิตคอลลาเจนได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพ ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า ลูติน (lutein)

3. ถั่ว

ถั่ว

เพียงแค่กินถั่ว เช่น ถั่วลิสง ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา วันละ 2 ช้อนโต๊ะเป็นประจำร่างกายก็จะได้รับกรดไฮยาลูโรนิก และช่วยชะลอริ้วรอยก่อนวัยแถมกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนมาบำรุงดูแลผิวมากขึ้นอีกด้วยค่ะ

4. ผัก-ผลไม้สีแดง

ผัก-ผลไม้สีแดง

ผักและผลไม้สีแดงมีไลโคปีนสูง สรรพคุณเด่น ๆ ของเขาคือช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีสุด และผักผลไม้สีแดงยังช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอริ้วรอยแห่งวัยและเติมเต็มความแข็งแรงของเซลล์ผิว ผักและผลไม้สีแดงที่เราพูดถึงนั่นได้แก่ มะเขือเทศ พริกหยวกแดง บีท แครอท สวีทโปเตโต้ เป็นต้นค่ะ

5. วิตามินซี

วิตามินซี

ไม่ว่าจะเป็นส้ม มะนาว ฝรั่ง หรือสตรอว์เบอร์รีก็ล้วนอุดมไปด้วยวิตามินซีที่ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนได้ดี อีกทั้งยังเสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์ผิวได้ดีอีกด้วยค่ะ

6. กรดไขมันโอเมก้า

กรดไขมันโอเมก้า

โอเมก้าเป็นแหล่งสร้างคอลลาเจนจากธรรมชาติตัวเด็ดอีกต­­ัวหนึ่ง ซึ่งช่วยเติมเต็มร่องลึกของเซลล์ผิวที่ถูกปัจจัยอื่น ๆ ทำลาย โดยเราจะรับกรดไขมันโอเมก้าได้จากเมล็ดแฟลกซ์ซีด แซลมอน ปลาทูน่า อะโวคาโด เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และอัลมอนด์ เป็นต้น

7. แตงกวา มะกอกเขียว และมะกอกดำ

ผักและผลไม้ทั้ง 3 ชนิดนี้มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างคอลลาเจน นอกจากนี้ยังมีวิตามินเอสูง รักษาระดับคอลลาเจนในผิวให้สูงขึ้นอีกทางด้วยค่ะ

8. ชาขาว

ชาขาว

ชาขาวไม่เพียงแต่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ หากยังเป็นแหล่งของโปรตีนชนิดเดียวกับโปรตีนที่ค้นพบในเซลล์ผิว­­ โดยเฉพาะคอลลาเจน ซึ่งก็ทำหน้าที่ต้านเอนไซม์ที่คอยทำลายผิวพรรณให้หย่อนคล้อยได้นั่นเองค่ะ

9. กระเทียม

กระเทียมก็เป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยซัลเฟอร์ อีกทั้งยังมีกรดไลโปอิก (lipoic acid) และกรดอะมิโนทอรีน (Taurine) และเป็นตัวช่วยเสริมสร้างเส้นใยคอลลาเจนที่ถูกทำลาย

10. หอยนางรม

หอยนางรมไม่ได้เป็นแค่ยาโด๊ปเท่านั้นแต่หอยนางรมยังอุดมไปด้วยธาตุสังกะสี และกรดอะมิโนที่สำคัญต่อกระบวนการสร้างคอลลาเจน พ่วงด้วยธาตุเหล็กและวิตามิน B2 ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมากมาย

11. ไข่ขาว

ไข่ขาวเป็นแหล่งกรดอะมิโนโปรลีน ซึ่งเป็นโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเส้นใยคอลลาเจน ดังนั้นการที่เราเสริมโปรตีนตัวนี้เข้าไปก็เท่ากับเสริมความแข็งแรงของแขน-ขาคอลลาเจนให้แข็งแกร่ง ยากที่จะมีอะไรมาทำลายได้นั่นเอง

12. เมล็ดข้าวสาลี

เมล็ดข้าวสาลี

เมล็ดข้าวสาลีก็มีกรดอะมิโนโปรลีนสูงเช่นกัน ยืนยันด้วยผลการศึกษาจาก Nutritional Sciences มาแล้วด้วยนะคะว่าแค่กินเมล็ดข้าวสาลีเป็นประจำก็จะช่วยยืดอายุ­­คอลลาเจนในร่างกายให้ยาวนานกว่าเดิมได้

13. สาหร่ายทะเลทุกชนิด

สาหร่ายทะเลทุกชนิดมีส่วนประกอบสำคัญในการสร้างเส้นใยคอลลาเจนอย่างไฮยาลูโรนิกเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้สาหร่ายทะเลทุกชนิดขึ้นชื่อว่าเป็นพืชที่มีคอลลาเจนผสมอยู่

14. เห็ดทุกชนิด

ในเห็ดแทบทุกชนิดอุดมไปด้วยโปรตีน และสารต้านอนุมูลอิสระจึงสามารถช่วยในกระบวนการเสริมสร้างคอลลาเจนให้ผิวได้ง่าย ๆ อีกทั้งสารต้านอนุมูลอิสระยังช่วยลดเลือนริ้วรอยก่อนวัยได้อีกต่างหาก

15. มะพร้าว

ในน้ำมะพร้าวมีฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ที่จะทำให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น ชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย

16. กระดูกอ่อน

ทั้งกระดูกอ่อนหมูและกระดูกอ่อนของไก่ล้วนแล้วแต่มีคอลลาเจนปะปนอยู่โดยเราจะสามารถสังเกตเห็นคอลลาเจนเป็นตัวเป็นตนได้จากน้ำต้มกระดูกอ่อนที่ทิ้งไว้ให้เย็น และส่วนที่เป็นวุ้นลอยอยู่เหนือน้ำต้มกระดูกก็คือคอลลาเจนนั่นเองค่ะ

ทั้งหมดนี้ก็เป็นอาหารที่มีคอลลาเจนและเราสามารถหาซื้อมารับประทานได้ง่ายและอาหารเหล่านี้ล้วนมีประโยชน์มากมายไม่เพียงแค่คอลลาเจนเท่านี้แต่อาหารเหล่านี้ยังมีสรรพคุณที่ช่วยบำรุงร่างกายและผิวพรรณของเราให้เต่งตึง สดใสอีกด้วยค่ะ

 

บทสรุป

เป็นยังไงกันบ้างสำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับคอลลาเจนที่นำมาฝากกันในวันนี้ จะเห็นได้ว่า คอลลาเจน เป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวของเราให้กลับมาแลดูอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง และคอลลาเจนมีให้เลือกใช้มากมายทั้งฉีดและทานหากต้องการใช้แบบไหนก็ควรเลือกให้ดีและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองค่ะ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก..
1. https://www.parrythailand.com/collagen-type/
2. https://health.kapook.com/view118296.html