สิวอักเสบ การดูแล รักษาและป้องกัน
Table of Contents
รักษาสิวอักเสบ
สิวอักเสบ เป็นสิวอีกประเภทหนึ่งที่มากวนใจวัยหนุ่มสาว ต้องหาวิธีดูแลตัวเองทั้งวิธีปฏิบัติตัวเองและการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลเรื่องสิว เพื่อที่จะได้มีใบหน้าที่ปราศจากสิวอีกครั้ง
วันนี้เราจะมาหารายละเอียดเกี่ยวกับสิวอักเสบ การดูแล รักษาและป้องกัน เพื่อให้หนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่มีปัญหาเรื่องสิวอักเสบได้นำข้อมูลไปใช้ในการห่างไกลสิวอักเสบกันค่ะ
สิวอักเสบคือ
สิวอักเสบ คือสิวอุดตันที่มีแบคทีเรียเข้ามาก่อให้เกิดการอักเสบของรูขุมขนและต่อมไขมัน สามารถเกิดได้ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะใบหน้าที่มักก่อให้เกิดความเจ็บปวดหากสัมผัสโดนบริเวณนั้นได้
อาจเป็นตุ่มนูนแดงขนาดเล็ก หรือเป็นตุ่มแดงมีหัวหนองสีขาวขุ่นอยู่ตรงกลางร่วมด้วย หรือถ้าขนาดใหญ่มาก ๆ รู้สึกเจ็บมาก เจ็บตลอดเวลา เวลาคลำเหมือนมีหนองข้างในเราก็จะเรียกเป็น สิวหัวช้าง
สิวอักเสบ มีกี่ชนิด
สิวอักเสบ มี 4 ชนิด ได้แก่
-สิวตุ่มแดง เป็นตุ่มสีแดงขนาดเล็ก เป็นก้อนแข็งนูนขึ้น ทำให้เกิดความเจ็บปวด
-สิวหัวหนอง เป็นผลมาจากการอักเสบบริเวณต่อมเหงื่อและรูขุมขน เกิดเป็นตุ่มที่มีหนองสีขาวอยู่ตรงหัวสิว
-สิวก้อนลึก คล้ายสิวตุ่มธรรมดา แต่ตุ่มจะเป็นก้อนแข็งขนาดใหญ่ลึกลงไปในชั้นผิวหนัง
-สิวซีสต์ ตุ่มสิวขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายฝี ภายในเป็นหนองอักเสบ เป็นสิวอักเสบชนิดที่รุนแรงที่สุด
สาเหตุของการเกิดสิวอักเสบ
-พันธุกรรม
ในครอบครัวที่มีผิวมัน รูขุมขนกว้าง หรือเป็นภูมิแพ้ผิวหนัง มักเสี่ยงต่อการเป็นสิวอักเสบมากกว่า การอักเสบของสิวก็จะมากกว่า บริเวณที่เกิดการอักเสบก็จะกว้างกว่า และเป็นบ่อยกว่าคนทั่วไป
-ฮอร์โมน
ช่วงที่ฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็วก็จะเริ่มเป็นสิว โดยฮอร์โมนเพศที่ทำให้เกิดสิวก็จะเป็นฮอร์โมนเพศชาย เทสโทสเตอโรน โดยส่วนมากจะเริ่มเป็นในช่วงอายุ 11 ปี
และมักลดลงในช่วงอายุ 30 ปี โดยผู้หญิงมักเป็นสิวช่วงที่มีประจำเดือน หรือในช่วงตั้งครรภ์ ส่วนผู้ชายมักมีอาการสิวอักเสบมากกว่าผู้หญิง
-อาหาร
การกินอาหารก็ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีในการลดอัตราการเกิดสิวให้กับคุณได้เช่นกัน อาหารที่มีความมันมาก อาหารที่มีส่วนประกอบของไกลซีมิค นมวัว
มีการสำรวจและงานวิจัยมากมายสนับสนุนว่าอาหารเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับการเกิดสิวอักเสบ ส่วนอาหารที่ทานแล้วเป็นผลดีช่วยป้องกันและรักษาสิวอักเสบได้ คืออาหารที่มีวิตามินซี วิตามินบีสูง ได้แก่ พวกผักและผลไม้สด
-พฤติกรรมการดูแลตัวเองที่ไม่เหมาะสม
ร่างกายที่พักผ่อนไม่เพียงพอ จะมีผลต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันทำให้เป็นสิวง่าย และการทำความสะอาดผิวหน้า ถ้ารักษาความสะอาดไม่ดีก็จะทำให้เกิดสิวอุดตัน และสิวอักเสบก็จะตามมาได้ง่าย ที่สำคัญคือบางคนมีพฤติกรรมชอบแกะสิว
การแกะสิวจะทำให้เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายได้เร็ว และมือของเราเองก็มีสิ่งสกปรกที่เป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดการอักเสบขึ้นมาได้ด้วย นอกจากนี้ยังต้องควบคุมการใช้เครื่องสำอางที่มีความมัน เช่น ครีมกันแดด หรือครีมรองพื้น หากเลือกชนิดที่ไม่มันแต่ให้ความชุ่มชื้นได้ก็จะดีกับผิวมากกว่า
การดูแลตนเองเพื่อป้องกันการเกิดสิวอักเสบ
-รักษาความสะอาดบนใบหน้า ล้างหน้าอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ด้วยน้ำสะอาดและผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวหน้า และไม่มีน้ำมันเป็นส่วนผสม เพื่อกำจัดไขมันและสิ่งสกปรกที่อุดตันบนผิวหนัง หลีกเลี่ยงการล้างหน้าบ่อยจนเกินไป เพราะทำให้ผิวระคายเคืองได้
-เลือกใช้ผลิตภัณฑ์หรือเครื่องสำอางที่ช่วยควบคุมความมันบนใบหน้า แต่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งจนเกินไป โดยต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและได้รับมาตรฐานการรับรองอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะเครื่องสำอาง
ควรเลือกใช้ประเภทที่มีสัญลักษณ์ระบุบนฉลากว่า ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-Comedogenics) และอาจเลือกใช้สินค้าที่มีส่วนประกอบของตัวยาเบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) กรดซาลิไซลิค (Salicylic Acid) หรือกรดแลคติค (Lactic Acid)
-อาบน้ำชำระล้างร่างกายหลังกิจกรรมที่ใช้แรงหนัก หรือมีเหงื่อออกมาก
-ระมัดระวังในการเลือกใช้แชมพูสระผม เนื่องจากแชมพูบางชนิดที่มีส่วนประกอบของน้ำมัน อาจอุดตันรูขุมขนใต้ผิวหนัง จนทำให้เกิดสิวได้
-ล้างเครื่องสำอางออกให้หมดก่อนเข้านอน ไม่นอนหลับไปพร้อมกับเครื่องสำอาง
-สวมใส่เครื่องแต่งกายที่ไม่รัดหรือเสียดสีกับผิว เพื่อปกป้องผิวจากการเกิดสิ่งอุดตันและอาการระคายเคือง
-หลีกเลี่ยงแสงแดด หรือสวมใส่เครื่องแต่งกายปกปิดผิว เนื่องจากแสงแดดอาจกระตุ้นกระบวนการอักเสบ ทำให้ผิวคล้ำเสีย และอาจส่งผลต่อยารักษาบางชนิดที่ใช้อยู่ จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดจ้าหรือได้รับแสงแดดเป็นเวลานาน ๆ
-ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย ซึ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพผิวด้วยเช่นกัน
-หากกำลังรักษาสิวด้วยยาหรือการรักษาใด ๆ ควรใส่ใจรับประทานยาและรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
-ไม่บีบสิว หรือสัมผัสผิวบริเวณที่เป็นสิว เพราะจะเพิ่มโอกาสในการเกิดสิวเพิ่มขึ้นมาอีก และเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือเกิดรอยแผลเป็นบนผิวหนังด้วย
-หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางในขณะที่เป็นสิว หรือทาทับบริเวณที่เป็นสิว
-ไม่สูบบุหรี่
วิธีรักษาสิวอักเสบ
ยาทาภายนอกถือเป็นการรักษาสิวที่ได้ผลดีที่สุด เนื่องจากสะดวกและไม่มีผลข้างเคียง ยาทาจึงเป็นที่นิยมสำหรับใช้ในการรักษาสิวอักเสบเป็นอย่างมาก เช่น
-ยากลุ่ม Benzoyl peroxide ใช้ทาก่อนล้างหน้า 5-15 นาที เป็นยาทาที่ออกฤทธิ์หลายอย่าง เช่น ลดการอักเสบ ทำให้ผิวหนังลอกหลุดเร็วขึ้น ช่วยลดสิวอุดตันและฆ่าแบคทีเรีย
-ยาทาปฏิชีวนะ หรือ ยาฆ่าเชื้อ (Topical antibiotics) เป็นยาปฏิชีวนะที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบ ห้ามใช้รักษาสิวเป็นยาเดี่ยว เพราะแบคทีเรียจะดื้อยาอย่างรวดเร็ว ในระยะแรกควรใช้ร่วมกับยาทาอื่น ๆ แล้วค่อยหยุดเมื่ออาการเริ่มดีขึ้น
-ยาทาเรตินอยด์ (อนุพันธ์ของกรดวิตามินเอ)เช่น Tretinoin, Isotretinoin, Adapalene ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวหนัง ลดสิวอุดตันและลดการอักเสบ แต่ขาดคุณสมบัติการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และไม่สามารถลดการสร้างน้ำมันบนผิวหนังได้
ด้วยคุณสมบัติที่ดีของยากลุ่มนี้ จึงสามารถใช้ร่วมกับการรักษาสิวทุกระยะ และใช้ทาป้องกันการเกิดสิวอุดตันได้ด้วย ผลข้างเคียงคือ ทำให้ผิวลอก คัน แดง และทำให้ผิวหน้าบางลง จึงต้องทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกแดดและห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์
-กรดไฮดรอกซี ( Hydroxy Acid ) คือกรดอ่อนชนิดหนึ่งที่ออกฤทธิ์ในการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน จัดการต้นตอของปัญหาผิวได้ดี
หากใครมีปัญหาสิวอักเสบที่รุนแรงควรได้รับคำแนะนำการรักษาจากแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญในการใช้ยาทา เพื่อตอบโจทย์ในการรักษาสิวทุก ๆ ประเภทที่สะดวกและปลอดภัย
-หากเป็นสิวอักเสบแบบมีหนอง จำเป็นต้องนำหนองออกเพื่อลดอาการอักเสบลง โดยแนะนำให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยนำหนองออกให้ เนื่องจากการทำเองอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อซ้ำซ้อนเพิ่มขึ้นได้
-ยาคุมกำเนิด ในบางกรณี แพทย์อาจพิจารณาให้ผู้ที่มีสิวบางรายกินยาคุมกำเนิด เพื่อปรับฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งอาจช่วยให้สิวยุบลงได้ โดยในปัจจุบันมีการศึกษาคุณสมบัติของยาคุมกำเนิดในการรักษาสิวมากมาย
-การรักษาด้วยการฉีดสิว
การฉีดสิว คือการฉีด triamcinolone หรือ steroid เข้าไปที่สิว วิธีการนี้เหมาะกับสิวอักเสบที่เป็นเม็ดใหญ่ ๆ ที่มีอาการปวด บวม แดง เป็นการช่วยลดการอักเสบ เมื่อการอักเสบลดลงการเกิดรอยแผลเป็นหลังการอักเสบก็ลดลงด้วย
แต่การฉีดสิวก็มีข้อเสีย คืออาจทำให้เกิดเป็นหลุมบริเวณที่ฉีด แล้วการฉีดปริมาณมาก ๆ บ่อย ๆ ก็ทำให้โครงสร้างของผิวเราเปลี่ยนแปลงจากเดิม ทำให้ผิวอ่อนแอลงได้
บทสรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับ การรักษาสิวอักเสบ เพื่อเป็นรายละเอียดให้ผู้ที่มีปัญหา สิวอักเสบ หากเกิดสิวอักเสบแล้ว ไม่ทำการรักษาให้ถูกวิธี อาจทำให้ลุกลามไปทั่วใบหน้าหรือเกิดการอักเสบที่มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อผลลัพธ์ที่ดี เห็นผลได้อย่างชัดเจน ควรศึกษาหาข้อมูลอย่างละเอียดค่ะ