สิวหัวช้าง การดูแล รักษาและป้องกัน
Table of Contents
สิวหัวช้าง
ปัญหาสิวบนใบหน้า เป็นปัญหาที่ทำให้หนุ่ม ๆ สาว ๆ เครียดและวิตกกังวลเป็นอย่างมาก ต้องหาวิธีรักษาโดยอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ผิวหน้ากลับมาสวยใสไร้สิวได้ปกติ
สำหรับหลายคนที่พบปัญหาสิวบนใบหน้ายิ่งว่าหนักแล้ว ยิ่งเจอสิวหัวช้างเข้าไปอีก เรียกได้ว่า เป็นฝันร้ายของใครหลายคนเลยทีเดียว วันนี้เราจะมาทำความรู้จักของสิวหัวช้างกันค่ะ
สิวหัวช้างคืออะไร
สิวหัวช้าง เป็นสิวอักเสบชนิดหนึ่ง มักมีลักษณะเป็นตุ่มบวมแดงขนาดใหญ่กว่าสิวโดยทั่วไป การสร้างสารคัดหลั่งปริมาณมากในหัวสิว เกิดการทำลายเซลล์ผิวภายในจนกลายเป็นโพรง ซึ่งในหัวสิวนั้นจะประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อที่ตายแล้วเชื้อโรคต่าง ๆ
และมีเม็ดเลือดขาวด้วย พออักเสบขึ้นมาก ๆ เม็ดเลยใหญ่กว่าสิวอักเสบทั่วไป ส่วนใหญ่จะมีอาการปวด อักเสบร่วมด้วย จึงทำให้ผู้ที่เป็นสิวหัวช้างรู้สึกเจ็บปวดเวลาเป็น
สิวหัวช้างมักทิ้งรอยดำหรือเป็นแผลเป็นซึ่งมันลึกมากกว่า เราจะเห็นได้จากเมื่อสิวหายหรือหัวสิวหลุดไปแล้วจะทิ้งหลุมสิวไว้ตรงตำแหน่งนั้น
สาเหตุของการเกิดสิวหัวช้าง
สาเหตุของการเกิดสิวหัวช้าง ก็เหมือนกับสิวประเภทอื่น สามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยหลายอย่างเช่น
-ฮอร์โมน ฮอร์โมนที่มีผลต่อการเกิดสิวมากที่สุด คือ Testosterone ที่เป็นฮอร์โมนเพศชาย และฮอร์โมน Dehydroepian drosterone-Sulfate (DHEA-S)
เพราะฉะนั้นจึงสังเกตได้ว่า สิวหัวช้างจะพบมากในผู้ชาย โดยเฉพาะวัยรุ่น เนื่องจากในช่วงวัยนี้ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนสูง
-กรรมพันธุ์ หากบิดาหรือมารดา เคยเป็นสิวหัวช้างมาก่อน ก็มีโอกาสที่ลูกจะเป็นสิวหัวช้างได้มากถึง 25 %
-ความมันบนใบหน้า สิวหัวช้าง มักเกิดบนผู้ที่มีผิวหน้ามันได้มากที่สุด เพราะผู้มีน้ำมันบนผิวหน้ามาก อาจทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขนจากฝุ่นและเชื้อแบคทีเรีย Acne ได้
ซึ่งในระยะแรก ๆ อาจเป็นเพียงสิวอักเสบเม็ดเล็ก ๆ ก่อน ถ้าหากมีอาการรุนแรง หรือมีการอักเสบมากขึ้น ก็จะพัฒนากลายมาเป็นสิวหัวช้างได้
-การใช้ชีวิต การดื่มน้ำน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่ชอบล้างหน้า หรือล้างหน้าไม่สะอาด ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว และสิวหัวช้างได้เช่นกัน
การดูแลผิวหน้าเพื่อป้องกันการเกิดสิวหัวช้าง
-ล้างหน้า เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรก คราบฝุ่นละออง เหงื่อไคล และเครื่องสำอางให้สะอาด โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน ปกป้องผิวจากการระคายเคือง และมีส่วนประกอบของน้ำมันหินฝรั่งเศส เพื่อความมั่นใจในการทำความสะอาดผิวหน้า
-มาร์คผิว สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อบำรุงและดูดซับสิ่งสกปรกจากผิวให้ไม่ตกค้างในรูขุมขน เลือกสูตรมาร์คที่อ่อนโยนเหมาะกับผิวเป็นสิวเท่านั้น
-หลังล้างหน้าทุกครั้ง ซับหน้าให้สะอาด ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเป็นสิวโดยเฉพาะแบบสเปรย์จากหินน้ำมันฝรั่งเศส สูตร non-comedogenic ที่ไม่ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน อันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวต่อเนื่อง
และปราศจาก BHA จึงอ่อนโยนต่อผิวบอบบางแพ้ง่าย ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ไม่ทำให้ผิวแห้งลอก ทำให้หน้าเนียนกว่า ใสกว่า เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว โดยแนะนำให้ใช้เป็นประจำหลังการล้างหน้า
และฉีดเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับผิวหน้าในระหว่างวัน และสามารถใช้ฉีดก่อนการแต่งหน้าเพื่อป้องกันผิวจากการเกิดสิวที่มาจากการใช้เครื่องสำอาง
-เลือกใช้เฉพาะครีมบำรุงที่เหมาะกับสภาพผิว สำหรับผู้ที่เป็นสิว แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยป้องกันการอุดตันของรูขุมขน
-หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดจัด อาบน้ำร้อนจัด ออกกำลังกายสม่ำเสมอ สร้างการขับถ่ายให้เป็นเวลา ทานอาหารที่มีกากใย นอนหลับให้เพียงพอ
รวมถึงการดูแลความสะอาดของใช้ส่วนตัวและระมัดระวังการสัมผัสกับสิ่งสกปรกต่าง ๆ แล้วมาสัมผัสใบหน้า ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพผิวที่แข็งแรงลดการเกิดปัญหาสิวลงได้
วิธีการรักษาสิวหัวช้าง
การรักษาสิวหัวช้างมีหลายวิธี โดยเฉพาะการเลือกใช้ยาทาภายนอก ซึ่งแต่ละวิธีก็จะเหมาะสมกับบุคคลแตกต่างกันไป ซึ่งก็มีวิธีดังต่อไปนี้
ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง
การล้างหน้าบ่อย ๆ จะทำให้ผิวหน้าระคายเคือง และทำให้หน้าแห้ง ซึ่งจะส่งผลให้มีการผลิตน้ำมันที่มากขึ้น และกลายเป็นการกระตุ้นการเกิดสิวมากกว่าเดิม เพราะฉะนั้นจึงควรล้างแค่วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น โดยใช้โฟมหรือสบู่ล้างหน้าสูตรอ่อนโยน หรือสูตรกำจัดสิว
ใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิว
แบ่งออกเป็น 4 ชนิดใหญ่ ๆ ได้แก่
-กลุ่มยา Benzoyl Peroxide : มีคุณสมบัติที่ดีในการรักษาสิวหลายอย่าง เช่น ลดการอุดตัน ลดการอักเสบ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ช่วยให้เซลล์ผลัดตัวเร็วขึ้น แต่หากใช้นาน ๆ จะทำให้ผิวแห้ง และแสบ
-อนุพันธ์ของวิตามินเอ หรือยากลุ่มเรตินอยด์ : มีคุณสมบัติช่วยลดการขับน้ำมัน ลดการอุดตัน และลดการอักเสบของสิวได้ค่อนข้างดี แต่ต้องใช้ในปริมาณน้อย และไม่สามารถใช้ได้ในสตรีมีครรภ์
-ยาปฏิชีวนะ : ยาปฏิชีวนะทั้งแบบทาและรับประทาน สามารถลดปริมาณเชื้อแบคทีเรีย Acne และลดการอักเสบของสิวได้ แต่หากใช้ไปนาน ๆ จะทำให้เกิดอาการดื้อยา
-กลุ่มยาฮอร์โมน : จะถูกนำมาใช้ก็ต่อเมื่อ ได้มีการไปพบแพทย์ และแพทย์วินิจฉัยว่าสิวหัวช้างที่เกิดขึ้น เกิดจากปัญหาฮอร์โมน คุณสมบัติส่วนใหญ่ของยาในกลุ่มนี้คือต้านฮอร์โมนเพศชาย
แต่มักจะมีผลข้างเคียง เช่น น้ำหนักขึ้น ปวดศีรษะ ปัสสาวะบ่อย และอาจพบอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจได้
รักษาสิวหัวช้างแบบธรรมชาติ
-สำหรับใครที่กำลังหาวิธีรักษาสิวหัวช้างแบบธรรมชาติ ให้นำมะนาวสด 1 ลูกมาบีบเอาแต่น้ำ จากนั้นให้นำสำลีมาชุบแล้วทาที่บริเวณหัวสิว หากทำติดต่อกันทุกวันสิวหัวช้างจะหายได้เร็วขึ้น
แต่ถ้าหากใครที่อยากให้สิวหัวช้างหายภายใน 1 วัน ก็ให้ใช้สำลีชุบน้ำมะนาวเช็ดที่หัวสิวทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง ทำแบบนี้ 1 วัน รับรองสิวหัวช้างจะยุบได้อย่างรวดเร็วทันใจ
-การรักษาด้วยดินสอพองที่มีฤทธิ์เย็น ช่วยลดอาการบวมและอักเสบลงได้ แต่ก่อนจะนำดินสอพองมาพอกหน้า หรือแต้มสิว ต้องมั่นใจว่าได้ผ่านการสะตุ หรือนำไปเผาไฟเพื่อฆ่าเชื้อแล้ว และถูกจัดเก็บในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดสนิท
จึงจะนำมาใช้รักษาสิวหัวช้างได้แบบไม่มีผลข้างเคียง การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว พักผ่อนให้เพียงพอรวมถึงการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะผักและผลไม้ จะช่วยลดการเกิดสิวหัวช้างได้ และช่วยทำให้สิวหายเร็วขึ้นอีกด้วย
-ไพล เป็นสมุนไพรอย่างแรกที่ใช้รักษาสิวได้ มีสรรพคุณช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการเกิดสิวใหม่ได้อย่างดีเยี่ยม สิ่งที่ต้องเตรียมก็มี ไพลและดินสอพอง เริ่มต้นให้นำเหง้าไพรมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นนำไปตำให้ละเอียด
ปิดท้ายด้วยการผสมดินสอพองลงไป แล้วคนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน ก็เป็นอันเสร็จ นำมาพอกหน้าให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที แล้วล้างออก สิวอักเสบก็จะค่อยยุบตัวลง หน้าใส และนิ่มขึ้น ไม่เป็นอันตรายต่อสาว ๆ ที่มีผิวแพ้ง่าย เพราะเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติล้วน ๆ
-ขมิ้น เป็นสมุนไพรรักษาสิวอย่างที่สองที่สาว ๆ นิยมนำมาใช้กันมากที่สุด จากปกติที่เคยเห็นว่าขมิ้นนั้นช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง นวลเนียนเมื่อนำมาพอกที่ผิวกาย หรือผิวหน้า แต่รู้หรือไม่ว่าขมิ้นนั้นก็ยังสามารถช่วยให้สิวยุบหายไปได้ด้วย
โดยสำหรับสูตรนี้แนะนำให้ใช้ขมิ้นสดเล็กน้อย ดินสอพอง และมะนาว 1 ลูก เริ่มหั่นขมิ้นสดออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นก็นำไปปั่นรวมกับดินสอพอง และน้ำมะนาวจนเข้าไปที่ได้เป็นเนื้อครีมเหนียว ๆ หนืด ๆ เมื่อเสร็จแล้วก็นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที แล้วล้างออก
สิวและจุดด่างดำก็จะค่อย ๆ ยุบและเลือนหายไป อีกทั้งยังเป็นการบำรุงผิวของเราไปด้วย ส่วนใครที่ต้องการเพียงแค่แต้มไว้ยังจุดที่เป็นสิวก็สามารถทำได้ แต้มแล้วทิ้งไว้ทั้งคืนค่อยล้างออก ทำเป็นประจำ 3 – 4 สัปดาห์ ใบหน้าของสาว ๆ ก็จะกลับมาสวยใสได้อีกครั้งหนึ่ง
บทสรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับ สิวหัวช้าง การดูแล รักษาและป้องกัน เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องสิวได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ดี ควรดูแลตนเองให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ เพื่อป้องกันตัวเองให้ห่างไกลการเกิดสิวหัวช้าง เพื่อที่จะได้มีใบหน้าที่สวยใสไร้สิวอยู่เสมอค่ะ