เมล็ดเจีย พืชและสมุนไพร ในคราวเดียวกัน
การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ คนรักสุขภาพจะรู้กันดีว่า เมล็ดเจีย นั่นเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับคนที่ไม่เวลาเข้าไปออกกำลังกายที่ฟิตเนส เพราะว่าทุกวันนี้การใช้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไปมาก งานเยอะ ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ซึ่งเป็นธัญพืชที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับเม็ดแมงลัก ถึงแม้ว่าจะมีสีออกดำคล้าย ๆ กันแต่ เมล็ดเจีย มีขนาดเล็กกว่ามาก มีคุณประโยชน์มาก ให้พลังงานสูง นิยมรับประทานก่อนออกไปทำกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังมาก ได้รับความนิยมจากผู้ที่ห่วงใยในสุขภาพ
เมล็ดเจีย เป็นทั้งพืชและสมุนไพรไปในคราวเดียวกันอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน พลังงาน น้ำ ไขมัน คาร์โบไฮเดรต ไฟเบอร์ แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ซิงก์ โซเดียม วิตามินเอ วิตามินบี 1 ถึงบี 3 และบี 6 ตลอดจนโฟเลต กรดไขมันอิ่มตัวและไม่อิ่มตัว เป็นต้น สามารถรับประทานได้ทั้งแบบอาหารคาว อาหารหวาน หรือจะประยุกต์ทำเป็นเครื่องดื่มได้
Table of Contents
ค่าทางอาหารที่มีอยู่ในเมล็ดเจีย
คุณค่าทางอาหาร เมล็ดเจีย ประโยชน์ ที่มีอยู่ใน เมล็ดเจีย สามารถช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ ได้ แต่ต้องทำไปพร้อมกับการออกกำลังกาย และทำจิตใจให้ผ่องใสอยู่เสมอ ซึ่งได้แก่
1.ช่วยให้หัวใจแข็งแรง
2.ช่วยให้บาดแผลหายเร็ว ไม่ติดเชื้อจากบาดแผลง่าย
3.ช่วยให้ห่างไกลจากโรคเบาหวานประเภท 2
4.ช่วยบำรุงสมองและความจำ
5.ป้องกันโรคกระดูกพรุน
6.ช่วยให้ระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายดีขึ้น
7.ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกายให้เป็นปกติ
8.ช่วยให้ระบบย่อยทำงานได้ดีขึ้น พุงไม่ป่อง ท้องไม่ผูก
9.ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น
10.ช่วยให้ดูอ่อนกว่าวัย (ช่วยให้หน้าเด็ก)
ผู้ที่ไม่ควรทานเมล็ดเจีย
1.ผู้ที่มีปัญหาในระบบกระเพาะอาหารและลำไส้
2.ผู้ที่เป็นโรคแพ้โปรตีนในธัญพืช (กลูเตน)
3.ผู้ที่ทำศัลยกรรมและประวัติแพ้ยาแอสไพริน
4.ผู้ชายหากรับประทานมากเกินไปอาจเสี่ยงต่อโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
5.ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ไม่ควรรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน
6.ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตต่ำ เพราะอาจทำให้ช็อก หรือหมดสติไปได้
ที่สำคัญไม่ควรรับประทานร่วมกับวิตามินบี 17 ติดต่อกันนานเกินไป เพราะอาจสะสมเป็นสารพิษขึ้นในร่างกายก่อเกิดโรคมะเร็งได้
ข้อเสียของเมล็ดเจจีย
บางคนเมื่อรับประทานเข้าไปแบบผิดวิธี หรือร่างกายไม่ตอบรับต่อธัญพืชชนิดนี้ ก็จะก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ ดังนี้
1.อาการอึดอัด ท้องอืด ท้องผูกตามมา
2.ขับถ่ายลำบากในบางวัน ถึงแม้ว่า เมล็ดเจีย เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะส่งผลช่วยให้ขับถ่ายได้สะดวกก็ตาม
ข้อดีของเมล็ดเจีย
1.ช่วยทำให้อิ่มเร็ว เมล็ดเจีย จะเข้าไปดูดซับน้ำแล้วพอตัวเป็นเจล จึงทำให้คุณรู้สึกอิ่มเร็วขึ้นสามารถลดน้ำหนักได้ด้วย
2เมล็ดเจีย เป็นธัญพืชที่มีประโยชน์สำหรับนักกีฬา สามารถชดเชยน้ำให้กับร่างกายเนื่องมาจากการสูญเสียเหงื่อได้ ช่วยลดภาวะสูญเสียน้ำ
3.ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยลดโรคหัวใจกับหลอดเลือด และลดคอเลสเตอรอล
4.มีโอเมก้า 3 (Omega 3) นับว่า เมล็ดเจีย เป็นแหล่งที่มีโอเมก้า 3 สูงสุดสูงกว่าปลาแซลมอนเสียอีก ซึ่งโอเมก้า 3 นั้นเป็นไขมันที่ช่วยป้องกันการอักเสบ ไม่ว่าจะเป็นไขข้อ และโรคหัวใจ
5.เมล็ดเจีย ช่วยชะลอกระบวนการทำงานเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตให้เป็นน้ำตาล จึงสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน
6.เมล็ดเจีย มีกากใยสูง ช่วยในเรื่องของการขับถ่ายได้สะดวก เมล็ดเจียสามารถช่วยป้องกันอาการท้องผูก ทำให้ขับถ่ายทุกวันจึงทำให้สารพิษถูกขับออกผ่านทางน้ำดีกับอุจาระ และช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังย่อยง่ายอีกด้วย
7.ควบคุมด้วยเส้นใย 11 กรัม บวกกับโปรตีน 4.4 กรัมที่มีอยู่ในเมล็ดเจีย จะช่วยให้เรื่องการลดน้ำหนักดูง่าย ไม่ทรมานร่างกายตัวเองอีกต่อไป ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องนานขึ้น
8.มีแคลเซียมที่มากกว่านมเกือบร้อยละ 20 ถือได้ว่า เมล็ดเจีย คือทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่ดื่มนม หรือไม่สามารถดื่มนมได้
9.พิชิตความเครียด ภายใน เมล็ดเจีย มีสารอหารที่จำเป็นอยู่หนึ่งชนิดซ่อนอยู่ นั่นก็คือ แมกนีเซียม ซึ่งจะช่วยรักษาระดับฮอร์โมนคอร์ติชอลให้ต่ำอยู่เสมอ ลดอาการปวดศีรษะและเหนื่อยล้าง่าย และยังมีสารทริปโตเฟน ซึ่งเป็นกรดอะมิโน ช่วยให้ร่างกายผลิตสารเซโรโทนินที่ต่อสู้กับความเครียดได้เป็นอย่างดี
10.ผิวพรรณผ่องใส ไขมันใน เมล็ดเจีย จะช่วยบำรุงผิวหนัง เส้นผมและเล็บ ลดอาการอักเสบบวมแดง และกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตได้อีกด้วย
11.ลดอาการบวม สารโปแตสเซียมใน เมล็ดเจีย ที่มีมากกว่ากล้วยถึง 2 เท่า ช่วยลดอาการบวมน้ำลงดูสุขภาพดีจนเห็นได้ชัดเหมาะสำหรับใครที่ชอบรับประทานอาหารที่มีรสเค็มจัด
12.เมล็ดเจีย ประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มากกว่าบลูเบอร์รี่ถึง 3 เท่า มีประโยชน์ช่วยให้เซลล์ในร่างกายต่อสู่กับสารอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ
13.ช่วยรักษาถุงผนังลำไส้อักเสบ อาการถุงผนังลำไส้อักเสบ อาจเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ต่ำ ดังนั้น การรับประทาน เมล็ดเจีย สามารถช่วยลดอาการนี้ได้ ซึ่งลำไส้จะจะดูดซึมน้ำและทำให้การอุจาระง่ายมากยิ่งขึ้น
วิธีการรับประทานเมล็ดเจีย
การรับประทาน เมล็ดเจีย นั้นสามารถทำได้ทั้งแบบแห้ง และแบบแช่น้ำ แต่ควรรบปรทานให้ถูกวิธ๊ เช่น
1.คนที่มีปัญหาเรื่องท้องผูก ท้องอืด หรือขับถ่ายไม่สะดวกแนะนำให้ให้ทานแบบแช่น้ำเท่านั้น
2.ควรเริ่มรับประทาน เมล็ดเจีย ทีละน้อยเพื่อสร้างความคุ้นเคยให้กับร่างกายก่อน ควรเริ่มต้นทานประมาณ 2 – 3 ช้อนชา / วัน เพื่อให้ร่างกายได้เริ่มคุ้นชินแล้วจึงค่อยๆ ปรับให้ปริมาณเพิ่มมากขึ้น แนนำให้ใช้เมล็ดเจีย 1 ช้อนโต๊ะ ต่อ น้ำไม่น้อยกว่า 400cc รวมถึงไม่ควรบริโภคเมล็ดเจียเกิน 6 ช้อนโต๊ะ / วัน
3.สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องของการขับถ่ายยากอยู่แล้ว ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเมล็ดเจียแบบดิบ ๆ
หลายคนอาจเคยรับประทาน เมล็ดเจีย หรือเคยพบเห็นตามท้องตลาดทั่วไป เมล็ดเจีย ประโยชน์ อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ที่มากมายหลายประการต่อสุขภาพ เมล็ดเจีย ถือเป็นพืชทะเลทรายที่ประกอบไปด้วยคุณประโยชน์ เช่น กรดไขมันโอเมก้า 3 คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไฟเบอร์ สารต้านอนุมูลอิสระ แคลเซียม เป็นต้น แต่การรับประทาน เมล็ดเจีย ก็มีความเสี่ยงเหมือนกันนะ เนื่องจาก เมล็ดเจีย สามารถดูดซึมน้ำได้ถึง 27 เท่าช่วยในการลดน้ำได้อย่างดี ดังนั้น ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการกลืน ผู้ที่มีอาการแพ้อาหารโดยเฉพาะงาดำกับเมล็ดมัสตาร์ด ผู้ที่ใช้ยาลดความดันโลหิต ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทาน เมล็ดเจีย และเด็กเล็กไม่ควรรับประทานเมล็ดเจีย ส่วนผู้ที่รับประทาน เมล็ดเจีย ควรรับประทานอย่างเหมาะสม healthdoo โดยควรเลือกอาหารที่มีความหลากหลายด้วย