เลเซอร์กระ ขั้นตอนการดูแลรักษา และเตรียมตัวอย่างไร
เลเซอร์กระ กระปัญหาใหญ่ของใคร หลาย ๆ คน คงไม่ดีแน่ถ้ามีจุดสีน้ำตาลที่เรียกว่า “กระ” กระจายอยู่บนใบหน้าหรือโหนกแก้ม ไม่ว่าเป็นคุณผู้หญิงหรือคุณผู้ชายก็สามารถเกิด “กระ” ขึ้นได้ ถึงแม้จะใช้วิธีแต่งหน้ากลบแต่ก็ไม่อาจกลบความจริงที่คอยบั่นทอนความมั่นใจของเราได้
กระ เกิดจากการที่เม็ดสีเมลานินทำงานผิดปกติ จนทำให้ผิวบริเวณนั้น ๆ มีสีเข้มขึ้น สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย และทุกเชื้อชาติ
Table of Contents
ปัจจัยที่ทำให้เกิดกระ
1.แสงแดดคือตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดกระ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงกันสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ให้ทาครีมกันแดดที่ช่วยป้องกันรังสี UV โดยควรมีค่า SPF 30 +++ ขึ้นไปก่อนออกแดดควรสวมหมวก กางร่มหรือสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิด
2.ยาคุมกำเนิด ก็ส่วนทำให้เกิดกระได้เช่นกัน ส่วนใหญ่ กระ จะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึงร้อยละ 80 เพราะผู้หญิงจะมีฮอร์โมนเพศหญิงสูงขึ้นขณะตั้งครรภ์ หรือขณะกินยาคุมกำเนิด
3.สำหรับพันธุกรรม หากคนในครอบครัวของเรามีกระ โอกาสที่เราจะมีกระก็ย่อมสูงกว่าคนทั่วไป
4.และอายุที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนใหญ่จะพบผู้ที่มีอายุ 30- 50 ปีขึ้นไป
กระ เป็นอันตรายหรือไม่ ?
ส่วนใหญ่แล้ว กระจะไม่เป็นอันตรายใด ๆ ต่อร่างกาย หากเป็นกระเนื้อที่มีคล้ำมาก ควรปรึกษาแพทย์ดีที่สุด
กระ มี 4 ชนิดและ วิธีรักษากระ
-กระตื้นจะมีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาล ส่วนใหญ่จะพบกระจายทั่วใบหน้า สีมักจะเข้มขึ้นหากโดนแดด สามารถรักษาได้หลายวิธี เช่น ใช้ยาทา ทาครีม ใช้เซรั่ม และรักษาด้วยเลเซอร์
-กระแดดจะมีลักษณะเป็นดวงสีน้ำตาล ผิวเรียบ ส่วนใหญ่จะพบในผู้สูงอายุหรือคนที่ทำงานอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน สามารถรักษาได้โดยการใช้เลเซอร์กระ
-กระเนื้อจะมีลักษณะเป็นเม็ดสีน้ำตาล เม็ดเล็ก ๆ และเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆ จนเห็นได้ชัด มักจะขึ้นตามใบหน้า คอ ลำตัว แขน ขาด้านใน ปัจจุบันสามารถรักษาโดยการใช้เลเซอร์
-กระลึกจะมีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ส่วนใหญ่จะพบบริเวณโหนกแก้มทั้ง 2 ข้าง กระลึกจะรักษาค่อนข้างใช้เวลานาน การใช้ครีมหรือยาทาอาจช่วยได้บ้าง แต่ไม่หาย
เพียงแค่จางลงและวิธีที่รักษาได้ดีที่สุดคือการทำเลเซอร์ แต่ต้องทำการรักษาหลายครั้ง หลังยิงเลเซอร์ประมาณ 2-3 ครั้งถึงจะจางลง
และจะเห็นได้ว่าการใช้เลเซอร์รักษากระ สามารถรักษากระได้ทุกชนิด โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจะเป็นผู้เลือกชนิดของเลเซอร์ให้เหมาะสมกับชนิดของกระที่เป็น
เลเซอร์ที่ใช้รักษากระ
-Medilite C6 Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่จะมีเลเซอร์ออกมา 2 ชนิด ชนิดแรกที่มีผลทำลายต่อเม็ดสีผิวชั้นตื้น ส่วนอีกหนึ่งชนิดมีผลต่อเม็ดสีผิวด้านล่าง เช่น กระลึก นอกจากนี้ยังทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใส เรียบเนียนขึ้น
-CO2 Laser เลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ เป็นเลเซอร์เผาไหม้ กระเนื้อ ติ่งเนื้อ สิวหิน หูด ซึ่งมีความละเอียดในการทำงานสูงมาก สามารถเลือกตัดเฉพาะเนื้อเยื่อที่ต้องการโดยไม่สร้างความเสียหายให้กับเนื้อเยื่อโดยรอบไม่มีเลือดออก ไม่ต้องเย็บแผล
-Fractional Laser นวัตกรรมเลเซอร์ เทคโนโลยีการทำให้ผิวหนังเกิดรูเล็ก ๆ เพื่อทำให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและกำจัดเม็ดสีผิวให้หมดไป
ขั้นตอนการทำเลเซอร์กระ
แพทย์จะให้ล้างหน้าให้สะอาด แล้วเช็ดให้แห้ง เพื่อเตรียมผิวหน้าให้พร้อมสำหรับการยิงเลเซอร์ จากนั้นแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญจะทายาชาบริเวณผิวหน้า โดยจะทิ้งไว้ประมาณ 45 นาที เพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์ไม่ให้รู้สึกเจ็บปวดขณะทำ
จากนั้นแพทย์จะทำการยิงเลเซอร์ไปที่ตำแหน่งของกระ ที่ต้องการรักษา การปล่อยหรือยิงพลังงานแสงไปกระ เพราะบริเวณที่เป็นกระ จะมีเม็ดสี (pigment) เมลานินแน่นมาก
เข้มข้นกว่าปกติจึงดูดซับพลังงานแสงได้มาก จนกลายเป็นพลังงานความร้อน ทำให้เม็ดสีเมลานิน(melanin) ถูกทำลายสลายลง เป็นผลให้กระ นั้นจางไป
ผลลัพธ์หลักการรักษา
หลังการรักษากระด้วยเลเซอร์ บริเวณที่ทำการรักษาจะเป็นแผลตกสะเก็ด และจะหลุดไปเองตามธรรมชาติใช้เวลาประมาณ 7 วัน เพื่อให้สะเก็ดแผลลอกหลุดเร็ว ห้ามไปแกะ เกา
เพราะอาจทำให้เกิดแผลเป็นตามมาได้ สำหรับการยิงเลเซอร์รักษากระลึก อาจใช้ระยะการยิง 2-3 ครั้งแรก อาจมีสีเข้มขึ้นก่อนแล้วจะจางลงไปทีหลังได้
ระยะเวลาที่เห็นผล
หลังยิงเลเซอร์กระครั้งแรก บางรายกระจะเริ่มดีขึ้นจางไป แต่บางรายอาจมีการยิงซ้ำครั้งที่ 2 และควรทำห่างจากครั้งแรก 4-6 อาทิตย์พบว่าหลังยิงครั้งที่ 2 เม็ดสีจะถูกทำลายจนหมด และผิวหนังที่เคยยิงบริเวณเลเซอร์จะค่อย ๆ กลับมาเป็นผิวปกติ
ถ้ากระลึกมาก ๆอาจทำ 3-4 ครั้ง ถึงแม้ว่าจะใช้เวลารักษากระลึกค่อนข้างยาวนานแต่ผลการรักษาค่อนข้างคุ้ม การรักษากระลึกต้องใช้ความอดทนสักหน่อย
เพราะการยิงแต่ละครั้งจะใช้เวลาเว้นระยะห่างจากครั้งแรก 4-6 อาทิตย์ ก่อนทำควรปรึกษาแพทย์ ขอคำแนะนำให้กระจ่างก่อน
ระยะเวลาในการทำการรักษาบ่อยแค่ไหน ?
การรักษาด้วยเลเซอร์ต้องทำบ่อยแค่ไหนขึ้นกับชนิดของกระที่เป็น และสภาพผิวของแต่ละบุคคล ถ้าเป็นกระลึกที่รักษาค่อนข้างยาก ต้องทำการยิงเลเซอร์หลายครั้งเนื่องจากเม็ดสีอยู่ลึก โดยปกติประมาณ 3 ครั้ง
แต่บางคนอาจต้องยิงถึง 5-6 ครั้ง ทิ้งช่วงแต่ละครั้งห่างกันประมาณ 6-8 สัปดาห์ หากพอใจเม็ดสีหายไปเกินครึ่ง ก็สามารถหยุดรักษาด้วยเลเซอร์ได้
การเตรียมตัวก่อนรับการรักษากระ
-ควรงดกิจกรรมกลางแดดหรือกลางแจ้งอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนรับการรักษาด้วยเลเซอร์
-ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยาหรือสมุนไพรบางอย่างกลุ่ม เช่น ยาแก้ปวดในกลุ่มแอสไพริน กระเทียม (แบบแคปซูล) โสม ที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดซึ่งอาจมีผลให้เลือดออกนานมากขึ้นขณะทำเลเซอร์ ก่อนการรับการรักษาอย่างน้อย 7-10 วัน
-แจ้งประวัติการรักษา การแพ้ยาต่าง ๆ ให้แพทย์ทราบก่อนการทำเลเซอร์ แโดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคประจำตัวเช่นเบาหวาน โรคหัวใจที่ใช้ pacemaker machine
-งดใช้เครื่องสำอางหรือครีมบำรุงผิวในบริเวณผิวหนังส่วนที่จะทำเลเซอร์
-ควรเตรียมร่ม มาด้วยในวันที่ทำเลเซอร์เพราะหลังการรักษาไม่ควรถูกแดดโดยตรง
การดูแลตัวเองหลังทำเลเซอร์กระ
-หลังการรักษากระ ด้วยเลเซอร์ หลังทำทันทีจะมีใบหน้าที่แดงชมพูเล็กน้อยโดยมักหายไปไม่เกิน 24 ชม.
-ห้ามโดนน้ำ 24 ชม.
-ไม่ให้ใช้สบู่ล้างหน้าอย่างน้อย 2-3 วัน
-ทายาบ่อย ๆ ควรทาครีมกันแดดร่วมกับยาทาหลังทำเลเซอร์เพื่อป้องกันการเกิดรอยดำ
-หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดโดยการงดกิจกรรมกลางแจ้ง อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
-ไม่ควรใช้แอลกอฮอล์เช็ดแผล เพราะจะทำให้แผลเลเซอร์และผิวหนังโดยรอบแห้งตึง
-หลังจากสะเก็ดหลุดออกโดยเฉพาะในช่วง 1 เดือนแรก ควรใช้ครีมกันแดดที่กันน้ำได้ โดยมีค่า SPF 50+++ เพื่อลดโอกาสเสี่ยง ต่อการเกิดรอยคล้ำหลังทำเลเซอร์
-ไม่ต้องพักฟื้น สามารถแต่งหน้าและทำงานได้ตามปกติ
เลเซอร์รักษากระ เจ็บไหม ?
อาจรู้สึกเหมือนคล้ายมดกัด ไม่เจ็บเพราะระหว่างที่ยิง จะพ่นไอเย็นจัดประมาณ – 40 องศาเซลเซียสทำให้รู้สึกสบายขึ้นขณะทำการรักษา
หลังการรักษาด้วยเลเซอร์ กระจะมีโอกาสกลับมาเป็นอีกได้หรือไม่ ?
-กระแดด สามารถเกิดใหม่จากการสัมผัสแสงแดด ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงแสงแดด หากจะเป็นที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ทาครีมกันแดดทุกครั้ง สวมหมวกหรือพกร่มไปด้วย พยายามอย่าให้บริเวณที่เราไปทำเลเซอร์มาโดนแดด
-กระเนื้อ บริเวณที่ทำเลเซอร์ CO2 สามารถหายเป็นปกติได้ โอกาสจะเกิดใหม่เท่ากับผิวปกติตามพันธุกรรม
-กระลึก หากรักษาหลายครั้ง 4-5 ครั้ง จนกระถูกทำลายจนหมดก็มักจะไม่กลับมาเป็นอีก
ดูแลและป้องกันอย่างไรไม่ให้ กระ กลับมาเป็นซ้ำ
นอกจากพันธุกรรมที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเกิดกระได้ แสงแดดก็เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิด กระ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดดโดยตรง โดยเฉพาะในช่วง 10.00-15.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่แดดจัด
หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ควรทาครีมกันแดดเป็นประจำ โดยเลือกที่มีค่า SPF 30+++ ซึ่งจะมีประสิทธิภาพมากพอป้องกันอันตรายจากแสงแดดได้ และพยายามหลีกเลี่ยงยาคุมหรือฮอร์โมนที่เป็นตัวกระตุ้นเม็ดสีให้เด่นชัดขึ้นด้วย
บทสรุป
ปัจจุบันผู้ที่เผชิญปัญหาเกี่ยวกับกระ ส่วนใหญ่นิยมการรักษากระด้วยเลเซอร์ เนื่องจากเป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยาก และปลอดภัย และให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ
แต่ทั้งนี้นั้นก็ต้องทำภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง หรือคลินิกเสริมความงามที่ได้มาตรฐานผ่านการรับรองจาก อย.
ขอขอบคุณข้อมูลจาก..
1. https://www.ศูนย์เลเซอร์ผิวหนัง.com/Freckles/559f979b72e4f22c27dcb67f
2. https://katemokoblog.wixsite.com/katemokosoyoung/single-post/2017/05/11/รีวิว-เลเซอร์กำจัดกระSiPH