วิธีรักษาสิวเบื้องต้นด้วยตัวเอง
วิธีรักษาสิว ปัญหาของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่น สิวถือเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ซึ่งแต่ละคนนั้นจะเป็นมากเป็นน้อยขึ้นอยู่กับสภาพผิว บางคนดูแลตัวเองอย่างดีก็ยังมีสิวผุดขึ้นมาให้ช้ำใจ
สิวเกิดจากการอุดตันของต่อมไขมัน ซึ่งอาจเกิดจากการผลิตน้ำมันจำนวนมากบนใบหน้า รวมกับการสะสมเซลล์ที่ตาย และเชื้อแบคทีเรีย อุดท่อไขมันและรูขุมขนซึ่งในที่สุดจะทำให้เกิดการอักเสบ กลายเป็นสิว
ความรุนแรงของอาการอักเสบขึ้นอยู่กับชนิดของสิวเช่น สิวหัวดำ สิวหัวขาว สิวตุ่ม สิวหัวหนอง สิวก้อนลึก และสิวซีสต์ โดยอาการที่พบ เช่น ตุ่มอักเสบมีหนองสีขาว มีจุดหัวสิวสีดำ มีตุ่มแดงเล็ก ๆ มีตุ่มนูนเป็นผดแดง มีตุ่มเป็นก้อนแข็งใต้ผิวหนัง
เกิดความเจ็บปวดบริเวณที่เป็นสิว และบริเวณที่มีต่อมไขมันมากทำให้เกิดการเป็นสิวได้ง่าย ได้แก่ ใบหน้า หนังศีรษะ หน้าอก และแผ่นหลัง เป็นบริเวณที่เป็นสิวได้ง่าย
Table of Contents
ประเภทของสิว โดยทั่วไปเราแบ่งสิวออกเป็น 2 ประเภท คือ
1.ชนิดไม่อักเสบ
คือ สิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขน สิวหัวปิด (closed comedone) มีลักษณะเป็นตุ่มกลม เล็กแข็ง สีขาวจะเห็นชัดขึ้น เมื่อดึงผิวหนังให้ตึงหรือโดยการคลำ
สิวหัวเปิด (open comedone) เป็นตุ่มกลมเล็กแข็งคล้ายสิวหัวปิด แต่ตรงยอดมีรูเปิดและมีก้อนสีดำอุดอยู่
2.ชนิดอักเสบ ได้แก่
-สิวตุ่มนูน จะเป็นลักษณะตุ่มสีแดงขนาดเล็ก
-สิวหัวหนอง ได้แก่ superficial และ deep pustule
-สิวอักเสบแดงเป็นก้อน จะมีก้อนสีแดงภายในมีหนองปนเลือด บางครั้งอาจเป็นหลายหัวติดกัน
-สิวซีสต์ (Cyst) ก้อนนูนแดง นิ่ม ภายในมีหนองปนเลือด
สาเหตุของการทำให้เกิดสิว
-เกิดจาก ฮอร์โมน ในร่างกายสร้างฮอร์โมน Testosterone ทำให้มีการสร้างไขมันเพิ่ม ซึ่งจะอยู่ในช่วงอายุ 11-14 ปีดังนั้นจึงพบว่า วัยรุ่นช่วงนี้สิวจะขึ้นมากโดยเฉพาะเพศชาย
-การผลิตไขมันมากขึ้นและร่วมกับเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว และเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดการอุดตันจนเกิดสิว
-กรรมพันธุ์ หากผู้ที่มีทั้งพ่อแม่เป็นสิวจะมีโอกาสที่จะเป็นสิวก็สูงด้วยเช่นกัน
-เรื่องของความเครียด เมื่อเราเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนออกมา ซึ่งฮอร์โมนตัวที่ว่าจะไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น ทำให้ยิ่งเป็นสิวมากขึ้น
-เกิดจากการล้างหน้าไม่สะอาด หรือผิดวิธี ทำให้ไขมันจากสบู่ที่ล้างไม่สะอาดไปอุดตัน
-ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงในช่วงใกล้หมดประจำเดือน
-เกิดจากการใช้เครื่องสำอาง แล้วเกิดอาการแพ้
-เซลล์ผิวหนังทำให้มีการสร้างไขมันมาก
-มีการหลั่งกรดไขมันจากเชื้อแบคทีเรีย
-การใช้เครื่องสำอางก็เป็นปัจจัยที่สำคัญในการเกิดสิวได้เช่นกัน
-การระคายผิว เช่นการล้างหน้าที่มีการถูมาก หรือการบีบสิว
-ยาบางชนิดทำให้เกิดสิวเพิ่มขึ้น เช่น INH Iodides Bromide Steroid Testosterone Gonadotropine Anabolic steroid ยาคุมกำเนิด
วิธีรักษาสิวเบื้องต้นด้วยตัวเอง
อย่าปล่อยให้ผิวหน้าสกปรกเป็นเวลานาน ๆ
ล้างหน้าให้สะอาดเป็นประจำทุกเช้า-เย็น เพราะตลอดทั้งวันผิวหน้าเราเจอทั้งฝุ่น ทั้งควัน สิ่งสกปรกสะสมบนผิวหน้ามากมาย และยังเครื่องสำอางที่อยู่บนใบหน้าอีก ถ้าหากเราล้างหน้าไม่สะอาดพอ อาจจะทำให้สิ่งสกปรกไปอุดตันตามรูขุมขนและผิวหนังของเราจนกลายเป็นสิวได้
เลี่ยงการเช็ดหน้าหรือนวดหน้าแรง ๆ
เพราะมันจะทำให้สิวเกิดการอักเสบได้
ห้ามบีบหรือแกะสิวโดยเด็ดขาด
เพราะอาจจะทำให้สิวลุกลามแม้ว่าจะอยากเค้นบีบให้มันออกมาให้รู้แล้วรู้รอดแค่ไหน ก็ต้องอดใจไว้ เพราะการนำมือของเราไปสัมผัสรบกวนผิวมากไปอาจจะก่อให้เกิดการระคายเคืองยิ่งบีบกดผิวบริเวณที่เป็นสิวจะยิ่งที่ให้ผิวเราเกิดการอักเสบและกระจายเชื้อสิวของเราให้เป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้น
ควรเปลี่ยนผ้าปูที่นอนอย่างน้อยอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง
หมอนหรือเครื่องนอน สัมผัสใบหน้าเราในทุกวันยิ่งผิวเป็นสิวและความมันสะสมไปบนเครื่องนอนที่เราใช้อยู่เป็นประจำก็ต้องยิ่งรักษาความสะอาดให้บ่อยครั้ง
พักผ่อนให้เพียงพอ
เพราะการนอนให้เพียงพอและในภาวะที่ร่างกายเราหลับสนิท จะทำให้เกิดการซ่อมแซมตัวเองในส่วนที่สึกหรอของร่างกาย รวมทั้งรักษาผิว สมานแผลให้ดีขึ้นได้ทำให้ผิวดูสดใส
ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยทำให้เซลล์ต่าง ๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และน้ำยังเป็นตัวช่วยในการนำสารพิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกายให้ถูกขับออกมาด้วย ดังนั้นจงจำไว้เลยว่า เราควรดื่มน้ำไม่ต่ำกว่าวันละ 8 แก้ว
ทานวิตามิน ซี
ทานอาหารหรือผักผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่นตระกูลเบอร์รี่ ส้ม หรือผักใบเขียวต่าง ๆ เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยวิตามินซีจะได้ช่วยลดการอักเสบของผิว ปกป้องให้ผิวแข็งแรง สมานผิวและรอยสิว ให้ผิวหน้าเรากลับมากระจ่างใสหายเป็นสิวได้ไว ๆ
รักษาสิวด้วยวิธีธรรมชาติโดยการใช้สมุนไพร
เช่นการใช้น้ำมะนาว การใช้โยเกิร์ตผสมน้ำผึ้ง การใช้น้ำมันมะกอกและมะนาว นำมาทำเป็นสูตรพอกหน้าแบบต่าง ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยรักษาสิวในแบบธรรมชาติ ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหน้าของเรา
-น้ำมะนาว ช่วยบรรเทาให้สิวหาย
แนะนำให้ใช้มะนาวสด ให้บีบน้ำมะนาวสด ใส่ถ้วยเล็ก ๆ แล้วนำมาทายังจุดที่เป็นสิว ทิ้งไว้ราว ๆ 1 ชั่วโมง ทำเช่นนี้เป็นประจำต่อเนื่อง 1 – 2 สัปดาห์ ก็จะเห็นว่าสิวจะค่อย ๆ จางลงจนเห็นได้ชัด
-มาสก์หน้าด้วย ไข่ขาว สิวเสี้ยนหาย หน้าตึงใส
เตรียมไข่ขาว ตอกไข่ และแยกเอาไข่แดงออก เสร็จแล้วให้ทาไข่ขาวลงบนใบหน้าบาง ๆ แล้วปล่อยให้ทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 10 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำแบบนี้เป็นประจำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็จะเห็นความแตกต่างว่าผิวของคุณ จะกระชับมากขึ้น
-มะนาวผสมนมสด ช่วยลดการเกิดสิวอักเสบ สิวหัวดำ
นำน้ำมะนาวสดมาผสมกับนมสดอุ่น ๆ ใช้ล้างผิวหน้าทิ้งไว้สักพัก แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้จะช่วยลดการเกิดสิวอักเสบ สิวหัวดำ และช่วยบำรุงผิวหน้าให้เนียนนุ่มไม่แห้งแตก
-น้ำมะนาวผสมน้ำคั้นจากดอกกุหลาบ ช่วยทำให้สิวยุบลงได้
ผสมน้ำมะนาวเข้ากับน้ำคั้นจากดอกกุหลาบในปริมาณเท่ากัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นสิว ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น วิธีนี้จะช่วยทำให้สิวยุบลงได้ และยังช่วยทำให้หน้าขาวดูสดใสได้อีกด้วย
หลีกเลี่ยงของมัน ๆ หรือของทอด
การทานอาหารที่มีน้ำมัน จะทำให้ปริมาณน้ำมันบนผิวหน้าของเราก็จะยิ่งเยอะตามไปด้วย นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการอุดตันในรูปขุมขนจนเกิดเป็นสิวได้
ใช้ยาแต้มสิว
เลือกยาให้ตรงกับปัญหาสิว ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าสิวที่เราเป็น เป็นสิวประเภทไหน สิวอุดตัน (Comedone) หรือสิวอักเสบ (Inflamatory Acne) เพื่อที่จะใช้ยาให้ตรงกับสิวที่เราเป็นเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
วิธีป้องกันการเกิดสิวแบบง่าย ๆ
-พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรนอนดึก หรืออดนอน นอนอย่างน้อยควรนอนไม่เกิน 5 ทุ่ม นอนให้ได้ประมาณวันละ 8 ชั่วโมง
-ดื่มน้ำมาก ๆ โดยให้จิบทีละน้อย แต่ให้บ่อยในระหว่างวัน
-ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละอย่างต่ำ 30 นาที
-งดอาหารมัน หรือควบคุมอาหารมัน ขนมขบเคียว แป้ง ของหวาน รับประทานได้ แต่ไม่มากเกินไป
-ไม่ควรลูบคลำและส่องกระจกบ่อย เพราะการส่องกระจกบ่อย ๆ จะกระตุ้นให้เราอยากบีบ แกะ หากเราไปเผลอแกะจะทำให้สิวแย่ลงและขึ้นที่เดิมซ้ำ ๆ ได้
-ไม่ควรใช้สบู่ล้างหน้า ควรล้างหน้าด้วยน้ำยาล้างหน้าอย่างอ่อน ที่ไม่มีฟอง
-ควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่ปราศจากน้ำมัน (Oil Free) หรือโลชั่นที่ไม่ก่อให้เกิดสิว (Non-Acnegenic)
-และที่สำคัญไม่เครียด หรือวิตกกังวลมากจนเกินไป เพราะความเครียดจะไปกระตุ้นต่อมไขมันให้หลั่งไขมันออกมามากยิ่งขึ้น