HealthDoo.Today

เว็บไซต์ความรู้ด้านสุขภาพ และความงาม

วิตามินบีรวม ผลิตภัณฑ์เสริม ประสิทธิภาพดี

วิตามินบีรวม

ทุกวันนี้ผู้คนได้เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น มีการดูแลตัวเองและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้มีคุณภาพมากขึ้น มีตัวช่วยมากมายที่สามารถนำมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตและส่งเสริมสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น ในสภาวะสังคมที่เร่งรีบแบบนี้ วิตามินบีรวม มีส่วนช่วยได้เป็นอย่างมากสำหรับบำรุงร่างกายและระบบประสาท จะประกอบด้วยวิตามินบีหลายชนิดป็นแบบละลายในน้ำ ปัจจุบันได้ผลิตออกมาในหลายรูปแบบ เช่น แคปซูล เม็ดฟู่ เพื่อให้รับประทานง่าย 

การรับประทานวิตามินบีในรูปของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้น วิตามินบีรวม ช่วยอะไร pantip ไม่ควรแยกรับประทานเพราะจะทำให้ไม่ได้ประสิทธิภาพดีเท่าที่ควร ควรรับประทานเป็น วิตามินบีรวม เพราะวิตามินบีแต่ละชนิดนั้นจะทำหน้าที่ส่งเสริมซึ่งกันและกันทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานอย่างสูงสุด 

สรรพคุณของวิตามินบีรวม

ใน วิตามินบีรวม 1 เม็ด จะประกอบด้วยวิตามินบีตั้งแต่ 3 ชนิดขึ้นไป และอาจมีมากถึง 8 ชนิดด้วยกัน โดยแต่ละชนิดก็มีประโยชน์ต่อร่างกายในด้านต่าง ๆ ได้แก่

วิตามินบี 1 

เป็นวิตามินเสริมขวัญและกำลังใจ เพราะมีประโยชน์ต่อระบบประสาทและช่วยบำรุงสมอง รวมทั้งเสริมสร้างพลังงานให้แก่ร่างกาย อาหารที่พบวิตามินบี 1 ได้แก่ เนื้อหมู นมถั่วเหลือง ข้าวสาลี ธัญพืช เมล็ดทานตะวัน ถั่ว งา ปริมาณที่แนะนำให้รับประทานต่อวันสำหรับผู้ใหญ่คือ 1 – 1.5 mg ซึ่งหากหากรับประทานเกินขนาดก็จะถูกขับออกทางปัสสาวะและไม่มีการสะสมแต่อย่างใด

ประโยชน์ของวิตามินบี 1

  1. บำรุงประสาท กล้ามเนื้อ ทำให้หัวใจทำงานเป็นปกติ บำรุงสมอง ความคิด สติปัญญาให้ดีขึ้น
  2. ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโต ช่วยย่อยอาหารจำพวกแป้ง 
  3. บรรเทาอาการเมารถ เมาเรือ เมาเครื่องบิน
  4. บรรเทาอาการเจ็บปวดหลังการผ่าตัดทำฟัน
  5. รักษาโรคงูสวัด
  6. รักษาโรคเหน็บชา

วิตามินบี 2 

วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน) หรือวิตามินจี (Vitamin G) ให้พลังงานแก่ร่างกาย ช่วยลดอาการปวดหัวจากไมเกรน มีประโยชน์ต่อระบบการย่อยอาหาร อาหารที่พบวิตามินบี 2 ได้แก่ ไข่ไก่ เนื้อวัว เครื่องในสัตว์ บรอกโคลี เห็ด ผักโขม ปริมาณที่แนะนำให้รับประทานต่อวันสำหรับผู้ใหญ่คือ 1.2 – 1.7 mg หากได้รับมากเกินไปจะมีอาการคัน ชา หรือแสบยิบ ๆ โรคจากการขาดวิตามินบีชนิดนี้ ได้แก่ โรคปากนกกระจอก พบที่บริเวณริมฝีปาก มุมปาก ผิวหนัง อวัยวะสืบพันธุ์

ประโยชน์ของวิตามินบี 2

  1. บำรุงผิวพรรณ เล็บ และเส้นผม
  2. ช่วยในกระบวนการสร้างการเจริญเติบโตและสืบพันธุ์
  3. เพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น ช่วยบรรเทาอาการอ่อนล้าของสายตา
  4. ลดความเจ็บปวดจากไมเกรน
  5. รักษาอาการร้อนใน
  6. ทำงานร่วมกับสารอื่น ๆ ในการเผาผลาญอาหารประเภทแป้ง ไขมัน และโปรตีน

วิตามินบี 3 

วิตามินบี 3 หรือ ไนอะซิน สำหรับชื่ออื่น ๆ ได้แก่ ไนอะซินาไมด์ กรดนิโคตินิก นิโคตินาไมด์ มีสารต้านอนุมูลอิสระ อาหารที่พบวิตามินบี 3 ได้แก่ เนื้อปลาทูน่า ปลาแซลมอน เนื้อไก่ ข้าวกล้อง ถั่วลิสง ปริมาณที่แนะนำให้รับประทานต่อวันคือ 13-19 mg โรคจากการขาดวิตามินบีชนิดนี้ ได้แก่ โรคเพลลากรา คือเป็นผื่นผิวหนังอักเสบรุนแรง ผลเสียของการรับประทานเกินขนาด อาการร้อนวูบวาบ หน้าแดง คันตามตัว ปวดตามข้อ ตับอักเสบ

ประโยชน์ของวิตามินบี 3

  1. ช่วยบำรุงผิวพรรณ
  2. ลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ช่วยเผาผลาญไขมัน เพิ่มพลังงานที่ได้จากการย่อยและเผาผลาญอาหาร

3.ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น บรรเทาปัญหาต่าง ๆ ของระบบย่อยอาหาร

  1. บรรเทาอาการปวดศีระษะจากไมเกรน
  2. ลดอาการวิงเวียนศีรษะของโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน
  3. เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ช่วยลดความดันโลหิต
  4. รักษาอาการร้อนในและกลิ่นปาก
  5. บรรเทาอาการท้องร่วง

วิตามินบี 5 

วิตามินบี 5 (กรดแพนโทเทนิก) ช่วยผลิตฮอร์โมนให้ร่างกาย อาหารที่พบวิตามินบี 5 ได้แก่ ข้าวกล้อง มันฝรั่ง เครื่องในสัตว์ ไข่ อาหารทะเล บรอกโคลี นม ขนาดที่แนะนำให้รับประทานสำหรับผู้ใหญ่คือ 10 mg. ต่อวัน โรคจากการขาดวิตามินบี 5 ได้แก่ โรคไฮโปไกลซีเมีย หรือภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เป็นแผลในลำไส้เล็ก โรคเลือด โรคผิวหนัง

ประโยชน์ของวิตามินบี 5

  1. ลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์
  2. ลดอาการข้างเคียงจากการใช้ยาปฏิชีวนะ เสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย
  3. ช่วยในกระบวนการรักษาแผล
  4. ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย ป้องกันการอ่อนเพลียของร่างกาย
  5. ลดความเจ็บปวดจากโรคข้ออักเสบ
  6. รักษาอาการเหน็บชาที่มือและเท้า

วิตามินบี 6 

วิตามินบี 6 หรือ ไพริด็อกซิน อาหารที่พบวิตามินบี 6 ได้แก่ อกไก่ เครื่องในสัตว์ มันฝรั่ง กล้วย ถั่ว ขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันคือ 1.6 – 2 mg. ผลเสียของการรับประทานเกินขนาด กระสับกระส่ายในเวลานอน เท้าชาและมีอาการกระตุก โรคจากการขาดวิตามินบี 6 คือ โรคโลหิตจาง ผื่นผิวหนังอักเสบจากต่อมไขมัน

ประโยชน์ของวิตามินบี 6

  1. เสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายให้แข็งแรง
  2. ช่วยชะลอวัยได้
  3. ป้องกันการเกิดนิ่วในไต
  4. ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ
  5. ทำให้ร่างกายดูดซึมโปรตีนและไขมันได้ดียิ่งขึ้น
  6. เปลี่ยนรูปของทริปโตเฟน ให้เป็นวิตามินบี 3
  7. ป้องกันโรคทางประสาทและโรคผิวหนังหลายชนิด
  8. ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน
  9. เป็นยาขับปัสสาวะตามธรรมชาติ
  10. ลดอาการกล้ามเนื้อหดเกร็ง มือชา ขาเป็นตะคริว และปลายประสาทที่แขนขาอักเสบบางชนิด
  11. ลดอาการปากแห้งและปัญหาด้านการปัสสาวะที่เกิดจากการรับประทานยากลุ่มไตรไซคลิก

วิตามินบี 7 

วิตามินบี 7 (Biotin) หรือ วิตามินเอช อาหารที่พบวิตามินบี 7 ได้แก่ ไข่แดง ตับ ธัญพืช ถั่วลิสง อัลมอนด์ กล้วย ดอกกะหล่ำ ขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันคือ 100 – 300 mg. โรคจากการขาดไบโอติน ได้แก่ ผมร่วง ซึมเศร้า เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย หมดเรี่ยวแรง เป็นผื่นผิวหนังอักเสบ

ประโยชน์ของวิตามินบี 7

  1. ช่วยป้องกันผมหงอกได้ดี ป้องกันและรักษาโรคเกี่ยวกับเส้นผมและหนังศีรษะล้าน ป้องกันและบำรุงรักษาเล็บที่แห้งเปราะ
  2. ช่วยในการเผาผลาญไขมันและโปรตีน
  3. บรรเทาอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ
  4. บรรเทาอาการผื่นผิวหนังอักเสบ ผดผื่นคันต่าง ๆ

วิตามินบี 9 

วิตามินบี 9 หรือ กรดโฟลิก (โฟเลต,โฟลาซิน) หรือ วิตามินเอ็มหรือวิตามินบีซี (BC) อาหารที่พบวิตามินบี 9 ได้แก่ ไข่ ตับ ถั่ว กล้วย อะโวคาโด และผักใบเขียว ขนาดที่แนะนำให้รับประทานคือประมาณ 180 – 200 mg.  ผลเสียของการรับประทานเกินขนาด ผื่นแพ้ โรคจากการขาดวิตามินบี 9 ได้แก่ โรคโลหิตจาง

ประโยชน์ของวิตามินบี 9

  1. บำรุงผิวพรรณและสุขภาพ แก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอได้

2.ชะลอให้ผมขาวช้าลง หากรับประทานร่วมกับพาบา และวิตามินบี5

  1. ช่วยให้เจริญอาหาร หากร่างกายอ่อนเพลีย
  2. ป้องกันแผลร้อนในได้
  3. รักษาภาวะซีดหรือโลหิตจาง ลดระดับของกรดอะมิโนโฮโมซิสเทอีนในเลือด
  4. ทำงานออกฤทธิ์คล้ายยาแก้ปวด
  5. ป้องกันพยาธิในลำไส้และอาการแพ้จากอาหารเป็นพิษ
  6. ป้องกันการพิการของเด็กทารกแรกเกิด
  7. สร้างน้ำนมของมารดาหลังคลอดบุตร
  8. ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ

วิตามินบี 12

วิตามินบี 12 หรือ โคบาลามิน วิตามินแดงหรือไซยาโนโคบาลามิน อาหารที่พบวิตามินบี 12 ได้แก่ เนื้อสัตว์ ปลา ตับ ไข่ โยเกิร์ต นม ชีส ขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันสำหรับผู้ใหญ่คือ 2 mg โรคจากการขาดวิตามินบี 12 ได้แก่ โรคโลหิตจางและโรคเกี่ยวกับระบบประสาท

ประโยชน์ของวิตามินบี12

1 .บำรุงประสาททำให้ระบบประสาทแข็งแรงขึ้น

  1. เพิ่มสมาธิ ความจำ และการทรงตัว บรรเทาอาการหงุดหงิด ลดความเครียด
  2. ช่วยทำให้เด็กเจริญอาหาร เสริมสร้างการเจริญเติบโตและเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย
  3. ทำให้ร่างกายสามารถใช้ไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรตได้อย่างเหมาะสม
  4. ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ สร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคโลหิตจาง
  5. เสริมสร้างความแข็งของกระดูกและป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนได้

วิตามินบี 15 

วิตามินบี 15 (กรดแพงเกมิก) แหล่งอาหารที่พบ ได้แก่ ข้าวกล้อง เมล็ดฟักทอง เมล็ดงา เมล็ดธัญพืชไม่ขัดสี บริเวอร์ยีสต์ ผลเสียของการรับประทานเกินขนาด มีอาการคลื่นไส้ในช่วงแรก ๆ โรคที่พบจากการขาดวิตามินบี15 ได้แก่ โรคหัวใจ 

ประโยชน์ของวิตามินบี15

  1. เพิ่มการตอบสนองภูมิคุ้มกันของร่างกาย 
  2. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด บรรเทาอาการเจ็บหน้าอกจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและโรคหืด
  3. ช่วยบรรเทาอาการอยากดื่มสุรา รักษาอาการเมาค้าง ปกป้องตับจากภาวะตับแข็ง
  4. เร่งการฟื้นตัวจากความอ่อนเพลีย ช่วยในการสังเคราะห์โปรตีน

วิตามินบี 17 

วิตามินบี 17 หรือ อะมิกดาลิน (Amygdalin) หรือ เลไทรล์ (Laetrile) แหล่งอาหารที่พบ ได้แก่ เมล็ดพืชโดยเฉพาะเมล็ดเอพริคอต และยังมีเมล็ดอื่น ๆ อีก เช่น เมล็ดแตงโม เมล็ดพลับ เมล็ดถั่วอัลมอนด์ เมล็ดทานตะวัน ข้าว ถั่วแมคาเดเมีย หากได้รับมากเกินไป จะทำให้ตัวเย็น เหงื่อออก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ มีอาการง่วงซึม หายใจติดขัด ริมฝีปากเขียว ความดันต่ำ

ประโยชน์ของวิตามินบี17

1.ป้องกันความเสื่อมทางสมอง 

2.ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงเหมือนเดิม

3.สุขภาพจิตดีขึ้น

รูปแบบวิตามินบีรวม

ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ของวิตามินบีอยู่หลายรูปแบบ เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกในการรับประทาน แต่ละแบบมีผลต่อการดูดซึมและประสิทธิภาพต่างกัน ซึ่งรูปแบบของ วิตามินบีรวม ที่นิยมรับประทาน คือ

ชนิดเม็ดหรือแคปซูล

วิตามินบีรวม แบบนี้ต้องใช้เวลาในการย่อย ตัวยาถูกปลดปล่อยออกมาอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้สารอาหารนั้น ๆ อยู่ในร่างกายได้นานขึ้น แต่อาหารที่รับประทานร่วมอาจรบกวนการดูดซึมได้ 

ชนิดเม็ดฟู่

นำไปละลายในน้ำเปล่าก่อนรับประทาน ควรรอให้ฟองฟู่ลดลงก่อนรับประทาน เพื่อป้องกันอาการแน่นท้องจากฟองในภายหลัง มีข้อดี คือ ร่างกายสามารถดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิตามินบีรวม เป็นวิตามินที่ประกอบไปด้วยวิตามินบีหลายชนิด วิตามินบีรวม ช่วยอะไร pantip จัดเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำได้ดีและมักไม่สะสมภายในร่างกาย ใช้เพื่อบำรุงสุขภาพและฟื้นฟูร่างกาย ไม่สามารถใช้เป็นการรักษาหลักหรือป้องกันโรคได้ เป็นการรวมเอาประโยชน์ของสารอาหารเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนในแต่ละวัน ส่งผลให้ร่างกายและระบบประสาทสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การใช้วิตามินบีรวม ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดคือรับประทานร่วมกับวิตามินซี และรับประทานพร้อมมื้ออาหารหรือหลังอาหาร healthdoo เนื่องจากร่างกายจะสามารถดูดซึมได้ดีที่สุด