HealthDoo.Today

เว็บไซต์ความรู้ด้านสุขภาพ และความงาม

สิวผด การดูแล รักษาและป้องกัน

สิวผด

สิวผด

ปัญหาผิวหน้าที่ทำให้หลายคนเกิดความกังวลใจ ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องสิว เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของวัยรุ่นหนุ่มสาวที่ถือว่าหนักหนาสาหัสเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นสิวเสี้ยน สิวอักเสบ สิวอุดตัน และสิวผด

สิวผด
CR. https://www.mdedge.com/dermatology/article/212082/pediatrics/unilateral-papules-face

ดังนั้นการดูแลรักษาใบหน้าของเราให้ห่างไกลสิวดังกล่าวจึงจำเป็นอย่างมาก เพื่อจะได้ปฏิบัติตัวอย่างสม่ำเสมอ ให้เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น วันนี้เราจะมาศึกษาหารายละเอียดเกี่ยวกับสิวผดกันก่อนค่ะ

สิวผดคืออะไร

สิวผด (Acne Estivalis) เป็นสิวประเภทหนึ่งที่สามารถพบได้บ่อย มีลักษณะคล้ายกับผดผื่นเม็ดเล็ก ๆ สีแดงจำนวนมากเวลาสัมผัสจะรู้สึกไม่เรียบ เป็นเม็ดทรายกระจายทั่วใบหน้า และอาจมีอาการคันร่วมด้วย ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นบริเวณใบหน้าที่ถูกแสงแดดประจำ เช่น หน้าผาก โหนกแก้ม ข้างจมูก คาง

หรือในบางคนอาจมีสิวผดเกิดขึ้นบริเวณที่ไม่ได้โดนแสงแดด อย่างแผ่นหลัง บริเวณหน้าอกก็ได้ ส่วนใหญ่สิวผดจะเห็นได้ชัดเวลาอากาศร้อนหรือมีเหงื่อออก เช่น มีสิวผดเห่อขึ้นตอนบ่าย และอาการจะลดลงไปเองในตอนเย็นหรือตอนเช้า

สาเหตุของการเกิดสิวผด

-สิวผดส่วนมากแล้วจะเกิดจากมลภาวะแสงแดดและความร้อน

เพราะความร้อนและแสงแดดทำให้ต่อมเหงื่อไม่สามารถระบายเหงื่อออกได้หมด จนทำให้ต่อมเหงื่อตันแล้วเกิดเป็นตุ่มเล็ก ๆ เหมือนเป็นผด

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สิวผดหายตัวไปในช่วงเช้าที่มีอากาศเย็น แต่เมื่อถึงเวลาเที่ยงที่อากาศกำลังร้อน สิวผดก็จะกลับมาเห่อบนใบหน้าอีก ยิ่งสภาพอากาศในบ้านเราด้วยแล้วที่ร้อนกันทุกฤดู จึงทำให้หลีกเลี่ยงสิวชนิดนี้ได้ยาก

-เกิดจากยีสต์ที่มีชื่อว่า ovale

สาเหตุการเกิดสิวผดที่มาจากยีสต์นั้นถือว่าเกี่ยวพันกันกับมลภาวะ เพราะในช่วงที่อากาศร้อน ต่อมไขมันของเราจะทำงานมากขึ้น ทำให้มีน้ำมันส่วนเกินอยู่บนใบหน้าจนกลายเป็นอาหารของยีสต์

เมื่อหนักเข้าก็จะเกิดการแบ่งตัวอย่างรวดเร็วจนทำให้เกิดสิวผดขึ้น เวลามองเผิน ๆ เรามักจะไม่เห็นสิวชนิดนี้ แต่ถ้าแสงและมุมได้ ก็จะเห็นทันทีเลยว่าหน้าเรานั้นไม่ได้เรียบเนียนอย่างที่เข้าใจ จะบีบออกก็ไม่ได้ เผลอ ๆ บีบแล้วก็ไม่ค่อยมีอะไรออกมา ซ้ำยังทำให้อักเสบอีกด้วย

-การใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว

เช่น สาวที่มีผิวหน้าแห้ง แต่ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับหน้ามัน ก็จะทำให้ผิวหน้ายิ่งแห้งมากขึ้น จึงเกิดความระคายเคืองและกระตุ้นให้เกิดสิวผดได้

-การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ

ความเครียด หรือรับประทานอาหารที่มีสารอาหารไม่ครบถ้วน ก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวผดได้เช่นกัน

-อุณหภูมิ

ของน้ำที่ใช้ล้างหน้าอุ่นหรือร้อนเกินไปก็สามารถกระตุ้นให้เกิดสิวผดและสิวประเภทอื่นได้

การดูแลตนเองเพื่อป้องกันการเกิดสิวผด
CR. https://www.aad.org/public/diseases/acne/DIY/types-breakouts

การดูแลตนเองเพื่อป้องกันการเกิดสิวผด

-หลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดดร้อนจัด

เป็นเวลานาน หากจะต้องออกไปตากแดดแนะนำให้กางร่มหรือสวมหมวก นอกจากนี้ควรใช้ครีมกันแดดที่มีเนื้อบางเบา

หรือเลือกประเภทที่ปราศจากน้ำมันและแอลกอฮอล์ (oil-free/ non comedogenic) เป็นส่วนผสม ครีมกันแดดที่เลือกใช้ควรมีค่า SPF สูงตั้งแต่ 30++ ขึ้นไปจะดีที่สุด

-หลีกเลี่ยงการใช้มือแกะ

บีบ กดสิวเด็ดขาดยิ่งสิวผดไม่มีหัวด้วยแล้วยิ่งไม่ควรพยายามไปกดเปิดหัว ไม่เช่นนั้น อาจจะทำให้สิวอักเสบกลายเป็นหนองบวมช้ำหนักขึ้นได้

-การใช้ผลิตภัณฑ์แชมพูหรือแม้แต่ครีมนวดผม

หลังจากสระนวดเสร็จแล้วควรล้างน้ำออกให้สะอาดเกลี้ยงเกลา ไม่ให้คราบจากผลิตภัณฑ์หลงเหลือบริเวณกรอบหน้า โดยเฉพาะแนวไรผมและหน้าผาก

-แต่งหน้าให้เบาบางลง

พยายามใช้เครื่องสำอางที่ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองผิวตลอดจนเครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบจากน้ำมันก็ควรงดใช้ไปก่อน

หากเป็นไปได้ควรทาแค่แป้งฝุ่นบางเบาเพื่อให้ผิวหน้าได้พักจากเครื่องสำอางบ้างย่อมดีที่สุด ผิวหน้าอันบอบบางของคุณจะได้ไม่ถูกรบกวนจนเกินไปค่ะ

-อุปกรณ์การแต่งหน้า

โดยเฉพาะแปรงแต่งหน้าและฟองน้ำหรือพัฟต์ ควรนำมาล้างทำความสะอาดและผึ่งให้แห้งสนิทโดยทำเช่นนี้อย่างน้อยทุกสัปดาห์

-ไม่ควรปล่อยให้ปลายผมปรกหน้าผาก

โดยเฉพาะสาวที่ไว้ผมหน้าม้า ควรรวบผมขึ้นแล้วติดกิ๊บเหน็บไว้ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้สิวผดกำเริบหนักขึ้น และยังเป็นการได้ปล่อยผิวบริเวณดังกล่าวให้ได้รับอากาศถ่ายเทอย่างผ่อนคลายขึ้นด้วย

การรักษาสิวผด

-ล้างหน้าอย่างถูกวิธี คุณไม่ควรล้างหน้าบ่อย ๆ เพราะธรรมชาติอย่างหนึ่งของสิวผดก็คือ เมื่อเรายิ่งล้างหน้าบ่อยก็ยิ่งเป็นการกระตุ้นการเกิดสิวผดให้รุนแรงยิ่งขึ้น

ดังนั้นคุณควรล้างหน้าเฉพาะที่จำเป็น ไม่เกินวันละ 2-3 ครั้ง (ในระหว่างวันให้ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า) ไม่ควรใช้น้ำอุ่นในการล้างหน้า หลีกเลี่ยงการล้างหน้าด้วยสบู่

และหลังจากออกกำลังกายเสร็จก็ควรล้างหน้าทุกครั้ง เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรก ความมันบนใบหน้า และแบคทีเรีย

-เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวหน้า เหมาะกับสภาพผิวของเรา ตั้งแต่ขั้นตอนการล้างหน้าจนถึงการบำรุงผิว ประเภทว่านหางจระเข้ โรสแมรี ฯลฯ

หรือผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่สามารถขจัดแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว รวมไปถึงครีมกันแดดด้วย และที่สำคัญคือคุณต้องล้างออกให้สะอาดหมดจด เพราะไม่อย่างนั้นมันอาจจะก่อให้เกิดสิวอุดตันขึ้นมาได้

-รักษาด้วยยาคีโตโคนาโซล คือยาที่ใช้ทาเพื่อลดสิวผดที่เกิดจากเชื้อยีสต์ แต่ว่าต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

-รักษาด้วยยาอะดาพาลีน คือยาในกลุ่มของ เรตินอยด์ เช่นยา ดิฟเฟอริน เพื่อใช้ทาก่อนนอนให้สิวผดมีหัวขึ้นมา แล้วทำการรักษาอีกทีหนึ่ง ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

-รักษาสิวผดจากสูตรธรรมชาติ

-เช็ดหน้าด้วยน้ำมะนาว

มะนาวมีกรดผลไม้ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก ทำให้รูขุมขนสะอาด และช่วยให้จุดด่างดำจางลง เพียงคั้นน้ำมะนาวสด ๆ นำมาผสมกับน้ำอุ่นเล็กน้อย เพื่อไม่ให้น้ำมะนาวเข้มข้นจนเกินไป

การรักษาสิวผด
CR. http://www.digitaljournal.com/pr/4572753

จากนั้นใช้สำลีชุบแล้วเช็ดบริเวณใบหน้าที่เป็นสิวผด ประมาณ 10-15 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำวิธีนี้สัปดาห์ละครั้ง สิวผดจะค่อย ๆ ลดลง

-พอกหน้าด้วยมะเขือเทศ

ในมะเขือเทศมีทั้งไลโคปีน แคโรทีนอยด์ เบต้าแคโรทีน และวิตามินต่าง ๆ ที่ดีต่อผิวพรรณ และยังสามารถรักษาสิวผดได้อีกด้วย แค่นำมะเขือเทศไปปั่นให้เป็นเนื้อเดียวกัน

นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น เป็นการฟื้นฟูผิวหน้าให้แข็งแรงขึ้น สิวผดและสิวอุดตันก็จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด

-หน้าใสด้วยไข่ขาว

นำไข่ไก่สด ๆ มาแยกไข่ขาวกับไข่แดงออกจากกัน ใช้เฉพาะไข่ขาวมาพอกหน้าทิ้งไว้ 10-20 นาที แล้วล้างออก วิธีนี้จะเป็นการขับสารพิษออกมา ในช่วงแรกที่ทำจึงอาจมีสิวเห่อได้

เพราะเป็นช่วงที่มีการขับสารพิษออกมาให้อดทนทำต่ออีก 2-3 วัน จะเห็นเลยว่าผิวหน้าเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ

-ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง

หากคุณต้องการป้องกันการเกิดสิวผดอย่างถาวร คงต้องปรึกษาแพทย์แล้วล่ะ เพื่อช่วยหาสาเหตุ แนวทางการป้องกัน และวิธีรักษาสิวผดอย่างถูกต้อง

ที่สำคัญก็คือไม่ควรซื้อยามารับประทานหรือรักษาเอง เพราะอาจทำให้เป็นมากขึ้น เนื่องจากยารักษาสิวส่วนมากมักมีส่วนผสมของสเตียรอยด์

-ทำเลเซอร์

สำหรับคนใจร้อน รอไม่ไหวก็อาจใช้วิธีเร่งด่วนมากอย่างการทำเลเซอร์ ซึ่งวิธีนี้อาจทิ้งรอยดำไว้บนใบหน้า ซึ่งคนที่เลือกวิธีนี้จะต้องดูแลรักษาร่องรอยเหล่านั้นกันไป ในปัจจุบันจะมีคนเลือกรักษาด้วยเลเซอร์กันเยอะ

เพราะมันสามารถกำจัดสิวอุดตันได้ด้วย แถมทำครั้งเดียวก็กำจัดได้ทั่วใบหน้า อีกทั้งในปัจจุบันนี้ก็มีครีมลบเลือนรอยดำต่าง ๆ ก็มีประสิทธิภาพสูงมาก มันจึงทำให้วิธีนี้ได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่เป็นสิวผด ถ้าคุณสนใจก็ลองไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม

บทสรุป

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับ สิวผด ควรศึกษาหารายละเอียดในการดูแลตนเองเพื่อให้ห่างไกลจากสิวผด  เพื่อที่จะได้มีใบหน้าที่เรียบเนียน ไร้ผดผื่นบนใบหน้า หากมีการดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอ เชื่อว่า ผิวหน้าของคุณจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน