สิวอักเสบ การดูแล รักษาและป้องกัน
Table of Contents
สิวอักเสบ
สิวอักเสบ เป็นอีกหนึ่งในปัญหาผิวที่บั่นทอนความมั่นใจของสาว ๆ หลายคน เพราะสิวอักเสบมักทิ้งรอยไว้ให้ดูต่างหน้าแม้จะรักษาหายแล้วก็ตาม อีกทั้งปัจจัยและสาเหตุที่ก่อให้เกิดเป็นสิวอักเสบนั้นมีมากมายหลายประการ
และส่งผลกระทบให้เกิดอาการอักเสบที่แตกต่างกันตามแต่สภาพผิว ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิวอักเสบ เพื่อการดูแลรักษาได้อย่างเหมาะสมและถูกวิธีพร้อมแล้วเราไปดูกันเลยค่ะ
สิวอักเสบ คือ
สิวที่เกิดอาการอักเสบบริเวณรูขุมขนและต่อมไขมันใต้ผิวหนัง จนปรากฏอาการออกมาเป็นสิวลักษณะต่าง ๆ ที่มักก่อให้เกิดความเจ็บปวดหากสัมผัสโดนบริเวณนั้น
โดยสิวอักเสบอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ อย่างรูขุมขนอุดตัน และกรรมพันธุ์ รวมถึงภาวะที่ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงก็อาจเกิดสิวอุดตันได้ค่ะ
สิวอักเสบมี 4 ชนิด ได้แก่
-สิวชนิดตุ่มนูนแดง
เป็นตุ่มแดงเจ็บ ขนาดไม่เกิน 0.5 ซม. ส่วนมากสิวชนิดนี้เป็นสิวอักเสบในระยะแรกที่เปลี่ยนมาจากสิวอุดตัน
-สิวหัวหนอง
มีลักษณะเป็นตุ่มแดงและปวด ข้างบนตุ่มมีหัวหนองสีเหลือง เป็นสิวที่มีอาการอักเสบมากกว่าสิวอักเสบชนิด Papule หรืออาจเกิดจากสิวมีการติดเชื้อแบคทีเรียอื่นแทรกซ้อน
-สิวอักเสบแดงเป็นก้อนลึก
เป็นตุ่มแดงเจ็บขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง โดยมีขนาดเกิน 0.5 ซม. มีอาการเจ็บปวดค่อนข้างมาก สาเหตุมักเกิดจากเป็นสิวอักเสบชนิด Papule แล้วมีการกดบีบสิว ทำให้แบคทีเรียและน้ำมันในตุ่มสิวแตกกระจายอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้สิวยิ่งอักเสบบวมแดง
-สิวหัวช้าง
เป็นสิวอักเสบชนิดหนึ่งที่มีความรุนแรงมาก มักเป็นในวัยรุ่นผู้ชายที่มีผิวหน้ามันมาก บางรายมีประวัติคนในครอบครัวเป็นสิวหัวช้างด้วย สิวหัวช้างมีลักษณะเป็นสิวอักเสบรุนแรงทุกชนิดขึ้นรวมกันหนาแน่น ได้แก่ สิวชนิด pustule, nodule และ cyst
หัวสิวมักแตก มีหนองและน้ำเหลืองไหลตลอดเวลา มักเกิดขึ้นที่ใบหน้า หน้าอก และหลัง สิวหัวช้างนี้สามารถรักษาได้ยาก และหากได้รับการรักษาที่ผิดวิธีอาจทำให้สิวลุกลามติดเชื้อมากขึ้น เซลล์ผิวหนังถูกทำลายจนกลายเป็นแผลเป็นขนาดใหญ่หรือหลุมสิวถาวรได้ค่ะ
สาเหตุของการเกิดสิวอักเสบ มีดังนี้
-ปัจจัยทางพันธุกรรม ในครอบครัวที่มีผิวมัน รูขุมขนกว้าง หรือ เป็นภูมิแพ้ผิวหนัง ก็มีความเสี่ยงในการเป็นสิวอักเสบมากกว่า และเวลาที่เกิดก็มักจะมีความรุนแรงมากกว่า เช่น เป็นในบริเวณที่กว้างกว่า เกิดเป็นสิวหัวช้างบ่อยกว่าคนทั่วไป
-ปัจจัยจากฮอร์โมน ช่วงวัยรุ่นฮอร์โมนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วก็จะเริ่มเป็นสิว โดยฮอร์โมนเพศที่ทำให้เกิดสิวจะเป็นฮอร์โมนเพศชายโดยส่วนมากจะเริ่มขึ้นในช่วงอายุ 11 ปี
และมักจะลดลงในช่วงอายุ 30 ปี โดยผู้หญิงมักเป็นสิวในช่วงมีประจำเดือน หรืออาจเป็นมากในช่วงตั้งครรภ์ ส่วนผู้ชายนั้นหากเป็นสิวแล้วมักมีอาการของสิวอักเสบรุนแรงมากกว่าผู้หญิง
-อาหาร อาหารที่มีความมันมาก อาหารที่มีส่วนประกอบของไกลซีมิค นมวัว มีการสำรวจและงานวิจัยมากมายสนับสนุนว่าอาหารเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับการเกิดสิวอักเสบ
ส่วนอาหารที่ทานแล้วเป็นผลดีช่วยป้องกันและรักษาสิวอักเสบได้ คืออาหารที่มีวิตามินซี วิตามินบีสูง ได้แก่ พวกผักและผลไม้สดค่ะ
-พฤติกรรมการดูแลตัวเองที่ไม่เหมาะสม ร่างกายที่พักผ่อนไม่เพียงพอ จะมีผลต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันทำให้เป็นสิวง่าย และการทำความสะอาดผิวหน้า ถ้ารักษาความสะอาดไม่ดีก็จะทำให้เกิดสิวอุดตัน และสิวอักเสบก็จะตามมาได้ง่าย ที่สำคัญคือบางคนมีพฤติกรรมชอบแกะสิว
การแกะสิวจะทำให้เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายได้เร็ว และมือของเราเองก็มีสิ่งสกปรกที่เป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดการอักเสบขึ้นมาได้ด้วย นอกจากนี้ยังต้องควบคุมการใช้เครื่องสำอางที่มีความมัน
เช่น ครีมกันแดด หรือครีมรองพื้น หากเลือกชนิดที่ไม่มันแต่ให้ความชุ่มชื้นได้ก็จะดีกับผิวมากกว่าการใช้ครีมที่มีความมันเพราะครีมที่มีความมันมาก ๆ เมื่อใช้แล้วอาจจะทำให้เราเป็นสิวและกลายเป็นสิวอักเสบได้ค่ะ
วิธีป้องกันการเกิดสิวอักเสบ
เนื่องจากสิวอักเสบเกิดจากการอุดตันและเชื้อแบคทีเรีย ดังนั้นการป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบของสิวควรปฏิบัติตัวดังนี้
-กำจัดสาเหตุของการเกิดสิวในบริเวณนั้น ๆ ออกไป เช่น ทำความสะอาดปลอกหมอน ที่นอน โทรศัพท์ แปรงแต่งหน้า
-หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น
-รักษาความสะอาดสิ่งของรอบตัวอยู่เสมอ
-ล้างเครื่องสำอางออกให้สะอาด เพื่อช่วยลดความอุดตันของผิวหนัง
-หากเป็นสิวอักเสบระดับน้อยถึงปานกลาง มีการอักเสบไม่กี่จุด ขนาดไม่ใหญ่นัก สามารถรักษาด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าสำหรับคนเป็นสิว ที่สามารถซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป
-หากเป็นสิวอักเสบระดับปานกลางถึงมาก การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าสำหรับสิวเพียงอย่างเดียว อาจไม่สามารถช่วยให้สิวดีขึ้นได้มากนัก เนื่องจากจำเป็นต้องใช้ยารักษาสิวควบคู่ไปด้วย หรืออาจจำเป็นต้องรับยาแบบรับประทาน จึงควรไปพบแพทย์เพื่อรักษา
-หากเป็นสิวอักเสบแบบมีหนอง จำเป็นต้องนำหนองออกเพื่อลดอาการอักเสบลง โดยแนะนำให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยนำหนองออกให้ เนื่องจากการทำเองอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อซ้ำซ้อนเพิ่มขึ้นได้
-เลือกรับประทานอาหารที่มีโอเมก้า 3 สูง และโอเมก้า 6 เช่น ปลาแมคเคอเรล แซลมอน เมล็ดแฟลก ถั่วเหลือง เป็นต้น สามารถช่วยลดการเกิดสิวอักเสบลงได้
การดูแลรักษาเมื่อเกิดสิวอักเสบ มีดังนี้
-ห้ามบีบสิวอักเสบ เมื่อใดก็ตามที่สิวเกิดขึ้นบนใบหน้า สิ่งที่ไม่ควรทำมากที่สุดก็คือ อย่าไปประหัตประหารเอาเป็นเอาตายกับมันด้วยการบีบเค้นอย่างรุนแรง เพราะมันจะยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลง
อย่างแรกเลยคือต้องดูให้ออกว่าตัวคุณเป็นสิวประเภทใด เพื่อจะได้หาทางรับมืออย่างเหมาะสมและถูกวิธีค่ะ
-ดูแลสิวอักเสบ หากสิวอักเสบที่เกิดขึ้นมีขนาดเล็กและเป็นไม่มาก คุณแค่ดูแลรักษาความสะอาดบนใบหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อลดความมันบนใบหน้า ไม่ไปแกะ แคะ เกา หรือเอามือไปจับบ่อย ๆ จนทำให้แบคทีเรียมันตกลงไปในรูขุมขน
เพียงเท่านี้ก็จะช่วยทำให้สิวไม่อักเสบและระบมเพิ่มขึ้นได้แล้ว แต่ถ้าสิวอักเสบนั้นมีขนาดใหญ่แบบที่เราเรียกกันว่า “สิวหัวช้าง” คุณก็ควรจะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้เป็นคนจัดการ
ที่สำคัญคือต้องใจเย็น อย่าพยายามบีบมันออกเอง เพราะนั่นจะเป็นสาเหตุทำให้สิวอักเสบมากขึ้น และทำให้สิวอุดตันรอบข้างอักเสบไปด้วยค่ะ
-หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง สิวอักเสบไม่ได้มีแค่สาเหตุหลักอย่างแบคทีเรีย acne เพียงอย่างเดียวที่ตกลงไปในรูขุมขนจากการสัมผัสหรือรบกวนผิวหน้าจนทำปฏิกิริยากับสิวอุดตันแล้วกลายเป็นสิวอักเสบ
แต่สิวอักเสบยังเกิดได้จากมลภาวะ การล้างหน้าไม่ถูกวิธี ความเครียด นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ และฮอร์โมนในร่างกาย ดังนั้นคุณควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ด้วย
-เบนซอยเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide – BP) เมื่อเรารู้สาเหตุหลักของการเกิดสิวอักเสบนั้นมาจากแบคทีเรีย acne เราก็แค่แก้ปัญหาโดยการกำจัดแบคทีเรียตัวนี้ออกไป ด้วยตัวยาบีพี (BP)
เพราะตัวยาชนิดนี้สามารถฆ่าเชื้อพีแอกเน่ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวอักเสบได้ บีพี เป็นยาที่ได้รับอนุญาตให้ขายได้โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยาจากแพทย์ และหาซื้อง่ายตามร้านขายยาทั่วไป
-คลินดามัยซิน (Clindamycin) นอกจากบีพีแล้วยังมียาอีกตัวที่มักนำมาใช้กำจัดสิวอักเสบและก็ได้ผลดีเช่นกัน ซึ่งยาตัวนี้สามารถใช้ควบคู่กันกับบีพีได้ แถมยังทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
เพราะคลินดามัยซินนั้นมีฤทธิ์กำจัดโปรตีนอันเป็นอาหารของแบคทีเรีย จึงทำให้แบคทีเรียตายเรียบ แพร่ขยายพันธุ์ต่อไม่ได้ เพราะไม่มีอาหารไปหล่อเลี้ยง ถ้าเราใช้ร่วมกับยาบีพีก็จะสามารถช่วยกำจัดแบคทีเรียและลดการติดเชื้อได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวค่ะ
-เจลแต้มสิว หรือ ครีมแต้มสิว ยี่ห้ออื่น ๆ ก็สามารถนำมาใช้แต้มสิวอักเสบให้ยุบลงได้เช่นกันแต่ต้องใช้อย่างถูกวิธีด้วยนะคะ
-การฉีดสิวอักเสบ เป็นการฉีดโดยใช้ยาสเตียรอยด์ (Steroid) ซึ่งมีคุณสมบัติลดการอักเสบ โดยตัวยาที่นิยมนำมาใช้ในการฉีด คือ ยาไตรแอมซิโนโลน (Triamcinolone) นิยมใช้ในกรณีจำเป็นเร่งด่วนหรือมีงานสำคัญ
เช่น งานแต่งงาน งานรับปริญญา หรือดาราที่ต้องใช้ใบหน้าในการเข้าฉาก หรือมีสิวอักเสบเม็ดใหญ่เพียง 1-2 เม็ด แต่ไม่อยากทานยาหรือทานยาไม่ได้ เป็นต้น
-ยาสีฟันลดสิวอักเสบ เป็นสูตรง่าย ๆ เหมาะใช้ยามฉุกเฉิน เช่น หายาไม่ทันจริง ๆ ก็ให้คุณใช้ยาสีฟันมาแต้มลงบนหัวสิว พอตื่นมาก็จะพบว่าสิวที่สุกปลั่งเมื่อคืนจะแห้งจนพอให้เราสะกิดมันออกมาได้
แต่ถ้าสะกิดออกมาแล้วอย่าลืมทายาฆ่าเชื้อ รักษาความสะอาดและเตรียมรักษารอยสิวที่กำลังจะตามมาด้วยนะคะ
-น้ำผึ้ง หลาย ๆ คนคงเคยรักษาสิวด้วยการบดยาแอสไพรินผสมกับน้ำหรือป้ายยาสีฟันแล้วนำมาทาตรงที่เป็นสิวอักเสบ แม้วิธีนี้จะช่วยให้สิวยุบตัวลงได้ แต่มันก็ทำให้ผิวแห้งมากหรือทิ้งรอยไหม้ไว้ได้
ทางที่ดีให้คุณลองเปลี่ยนมาใช้น้ำผึ้งทาลงไปเบา ๆ ตรงที่เป็นสิวอักเสบ เพื่อช่วยลดการอักเสบและผิวแดง โดยให้ทาทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วเช็ดออกด้วยกระดาษทิชชู่ และทิชชู่ที่ใช้ควรเป็นทิชชู่เปียกนะคะ แค่นี้สิวก็จะค่อย ๆ ยุบตัวลงแล้วค่ะ
-น้ำแข็งประคบหัวสิว วิธีนี้เป็นการปฐมพยาบาลผิวเมื่อเริ่มเป็นจุดแดง ๆ และยังไม่ทันเป็นสิวอักเสบหัวหนอง ให้เราใช้น้ำแข็งมาประคบที่หัวสิวที่มีอาการบวมแดง
ใช้ผ้าหรือทิชชูซับแล้วมาร์คหน้าด้วยโคลนมาร์คหน้าเย็นที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป เพียงเท่านี้เราก็สามารถลดอาการบวมแดงที่เกิดจากการอักเสบได้แล้วค่ะ
-ผงพิเศษ+คลินดามัยซิน เป็นอีกสูตรหนึ่งที่สามารถรักษาสิวอักเสบได้ สูตรนี้เหมาะสำหรับสิวอักเสบที่เป็นหัวหนอง อุปกรณ์มีแค่ 2 อย่าง คือผงพิเศษตราร่มชูชีพ และอย่างที่สองคือยาคลินดามัยซิน มี วิธีการทำ ดังนี้
หลังจากคุณล้างหน้าแล้วให้ทาคลินดามัยซินลงบนหัวสิวอักเสบก่อน จากนั้นก็ตามด้วยผงพิเศษทิ้งไว้ทั้งคืน วิธีนี้จะช่วยทำให้สิวแห้งและยุบตัวลงได้ค่ะ
-ขมิ้น เป็นสมุนไพรช่วยรักษาสิวอักเสบได้ สูตรนี้อาจเป็นสูตรโบร่ำโบราณที่เคยเป็นที่นิยมอย่างล้นหลาม สูตรนี้เราจะใช้ขมิ้นสดหรือขมิ้นผงก็ได้ ถ้าใช้ขมิ้นผงต้องมั่นใจว่าเป็นขมิ้นแท้ 100% ไม่มีส่วนผสมอื่น ๆ
วิธีการก็คือ ให้เรานำขมิ้นมาทาลงบนหัวสิวอักเสบ ถ้าใช้ขมิ้นสดก็อาจนำมาผสมกับน้ำมะนาว ขมิ้นผงให้นำมาผสมกับน้ำเปล่า สิวก็จะสุกและแห้งไปในที่สุดค่ะ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีการดูแลรักษาและการป้องกันการเกิดสิวอักเสบหากคุณทำตามที่เราแนะนำรับรองว่าสิวอักเสบไม่มากวนใจคุณแน่นอนค่ะ
บทสรุป
ปัญหาสิวอักเสบเราสามารถรักษาได้ด้วยตนเองและควรรักษาให้ถูกวิธีเพียงเท่านี้สิวอักเสบก็จะไม่มากวนใจสาว ๆ หรือหนุ่ม ๆ อีก หากรักษาด้วยตนเองแล้วอาการของสิวอักเสบยังไม่หายก็ควรไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังเพื่อหาทางรักษาให้ถูกวิธีและเหมาะสมต่อไปค่ะ