โรคกระเพาะคือ สาเหตุ อาการ การดูแลรักษาและป้องกัน
Table of Contents
โรคกระเพาะ
โรคกระเพาะ คือ โรคที่เกิดจากการอักเสบหรือเกิดการระคายเคืองบริเวณเยื่อบุภายในกระเพาะอาหาร สามารถเกิดขึ้นได้แบบเฉียบพลันในระยะเวลารวดเร็ว เป็นในระยะสั้น ๆ และหายภายใน 1-2 สัปดาห์
หรือมีอาการบ่อยครั้งเป็นระยะเวลานานจนเกิดการอักเสบเรื้อรัง ทำให้เกิดแผล และเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้
โรคกระเพาะ เป็นโรคที่พบได้บ่อยโรคหนึ่ง ประมาณว่าคนทั่วไปมีโอกาสเป็นโรคนี้ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต โดยการเกิดแผลในกระเพาะมักพบในวัยกลางคน ขณะที่การเกิดแผลที่ลำไส้เล็กส่วนต้นจะพบในวัยหนุ่มสาว อย่างไรก็โรคกระเพาะสามารถเกิดขึ้นได้ในคนทุกเพศและทุกวัยค่ะ
สาเหตุของโรคกระเพาะ
สาเหตุหลักของโรคกระเพาะอาหารเกิดจากการเสียสมดุลของกรดที่หลั่งออกมา ไปทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร ซึ่งเยื่อบุกระเพาะอาหารมีความต้านทานกรดได้ไม่ดี ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคที่พบมากในปัจจุบัน คือ
1.การติดเชื้อ เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobactor Pylori)
ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ติดต่อโดยการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของผู้ติดเชื้อ เชื้อนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเข้าไปฝังตัวอยู่ใต้เยื่อบุกระเพาะ ผนังกระเพาะจึงอ่อนแอลงและมีความทนต่อกรดลดลง ทำให้กระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้นเกิดแผลได้ง่าย
2.รับประทานสิ่งที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะและลำไส้
เช่น การดื่มชา กาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม และการรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวดจำพวกแอสไพริน ยารักษาโรคกระดูกและข้ออักเสบ ยาชุดหรือยาลูกกลอนที่มีสเตียรอยด์ เป็นต้น
3.มีอุปนิสัยการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกต้อง
เช่น การรับประทานอาหารอย่างเร่งรีบ รับประทานไม่เป็นเวลาหรืออดอาหารบางมื้อ และที่สำคัญการรับประทานอาหารที่มีรสจัดมากเกินไปก็สามารถทำให้เป็นโรคกระเพาะได้ เป็นต้น
4.การสูบบุหรี่
การสูบบุหรี่เป็นการเพิ่มโอกาสของการเป็นแผลที่ลำไส้เล็กส่วนต้นได้
อาการของโรคกระเพาะ
อาการของโรคกระเพาะจะมีอาการปวดท้องเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรังบริเวณใต้ลิ้นปี่ เวลาปวดมักจะสัมพันธ์กับมื้ออาหาร เช่น ก่อนหรือหลังอาหาร จะมีอาการปวดแสบ จุกแน่น อาจมีอาการคลื่นไส้ เรอเปรี้ยว
กรณีที่มีแผลบริเวณลำไส้เล็กส่วนต้นมักมีอาการปวดท้อง หลังอาหารประมาณ 1-3 ชั่วโมง หรือขณะท้องว่าง จะปวดมากขึ้นในช่วงบ่าย เย็น ตอนดึก อาการจะดีขึ้นทันทีหลังรับประทานอาหาร ดื่มนม รับประทานยาลดกรด
อาการแทรกซ้อนของโรคกระเพาะ
โรคกระเพาะสามารถรักษาให้หายได้เมื่อเป็นแล้วรู้จักดูแลรักษาตัวเองให้ถูกต้อง แต่เมื่อเป็นแล้วยังไม่รักษาและดูแลตัวเองก็จะทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนของโรคกระเพาะที่รุนแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ และอาการแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายแก่ชีวิต ได้แก่
-เลือดออกในกระเพาะอาหาร โดยคุณสามารถสังเกตได้จากการถ่ายอุจจาระสีดำหรืออาเจียนเป็นเลือดหรืออาเจียนมีลักษณะคล้ายผงกาแฟบดปนอยู่
-กระเพาะลำไส้เป็นแผลทะลุ โดยคุณสังเกตได้จากอาการปวดท้องรุนแรงทันทีทันใด หน้าท้องแข็ง กดเจ็บ
-กระเพาะลำไส้ตีบตัน โดยคุณสามารถสังเกตได้จากมีอาการปวดท้อง รับประทานอาหารได้น้อย อิ่มเร็ว และอาเจียนเป็นอาหารที่ไม่ย่อยหลังรับประทานอาหาร
อาการที่ต้องรีบไปพบแพทย์เมื่อเป็นโรคกระเพาะ
-เกิดอาการปวดท้องอย่างเฉียบพลัน ปวดมากและปวดเป็นเวลานาน ๆ
-กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งเกร็ง เมื่อคลำจะรู้สึกว่าแข็ง กดท้องจะทำให้เกิดอาการปวดทั่วทั้งท้อง
-ปวดท้องร่วมกับมีอาการของความดันโลหิตต่ำ เช่น หน้ามืดเป็นลม เหงื่อออก มือเท้าเย็น สับสน
-อาเจียนเป็นเลือดสดหรือออกสีดำ
-ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดหรือถ่ายดำ
การรักษาโรคกระเพาะ
การรักษาโรคกระเพาะคุณควรปฏิบัติตัว ดังนี้
1.กำจัดต้นเหตุของการเกิดโรค ได้แก่
-กินอาหารให้เป็นเวลา
-งดอาหารรสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด
-งดดื่มเหล้า เบียร์ หรือยาดอง
-งดดื่มน้ำชา กาแฟ
-งดสูบบุหรี่
-งดเว้นการกินยา ที่มีผลต่อกระเพาะอาหาร
-พักผ่อนให้เพียงพอ ผ่อนคลายคลายตึงเครียด
-หยุดยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDS
2.การให้ยารักษา
โดยคุณต้องกินยาอย่างถูกต้องและกินยาให้สม่ำเสมอให้ครบตามจำนวนตามระยะเวลาที่แพทย์สั่ง ส่วนใหญ่แล้วการทานยาโรคกระเพาะต้องใช้เวลาในการทานยาประมาณ 4-6 สัปดาห์แผลถึงจะหาย
ดังนั้นหากกินยาครบ 4-6 สัปดาห์แล้วถ้าอาการดีขึ้นคุณอย่าพึ่งหยุดยาคุณต้องกินยาต่อไปก่อนจนกว่าแพทย์จะแน่ใจว่าแผลหายแล้วจึงควรลดยาหรือหยุดยาได้ค่ะ
3.การผ่าตัด
ในปัจจุบันมียารักษาโรคกระเพาะมากมายหากรักษาอย่างถูกต้องก็ไม่จำเป็นต้องทำการผ่าตัด สำหรับการผ่าตัดอาจจะทำเป็นกรณีที่เกิดโรคแทรกซ้อนที่รุนแรงที่ไม่สามารถใช้ยารักษาได้ อันได้แก่
-เลือดออกในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก โดยไม่สามารถทำให้หยุดเลือดออกได้
-แผลกระเพาะอาหารทะลุและลำไส้เล็กเกิดการทะลุ
-กระเพาะอาหารมีการอุดตัน
การป้องกันโรคกระเพาะอาหาร
การป้องกันโรคกระเพาะ คือ การรักษาความสะอาดและสุขอนามัยในการรับประทานอาหารเป็นหลักสำคัญในการป้องกันการเกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร
เช่น การล้างมือก่อนและหลังรับประทานอาหาร และเลือกรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดการทำงานที่ผิดปกติของกระเพาะอาหารด้วยการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
ทั้งการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน ภาวะเครียด รวมไปถึงไม่ควรซื้อยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบทางเดินอาหารหรือยาในกลุ่มลดอาการปวดรับประทานเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เภสัชกร หรือพยาบาลค่ะ
การป้องกันโรคกระเพาะอีกแบบก็คืออาหารและอาหารที่คนเป็นโรคกระเพาะไม่ควรกิน มีอะไรบ้างเราไปดูพร้อม ๆ กันเพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันอีกแบบของโรคกระเพาะค่ะ
อาหารที่ไม่ควรกินเมื่อเป็นโรคกระเพาะ มีดังนี้
1.อาหารรสจัด
อาหารรสจัดอันได้แก่ อาหารที่มีรสเผ็ด รสเปรี้ยวจัด หวานจัด เค็มจัด อาหารรสจัดเหล่านี้จะกระตุ้นเซลล์ให้ผลิตน้ำย่อยออกมามากขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการระคายเคืองบริเวณกระเพาะอาหาร ก่อให้เกิดอาการปวดท้องและจุกเสียดท้องได้
2.ชา กาแฟ ช็อกโกแลต
ถ้าไม่อยากให้โรคกระเพาะกำเริบควรงด ชา กาแฟ และช็อกโกแลต เพราะชา กาแฟ มีส่วนผสมของคาเฟอีนและคาเฟอีนเป็นตัวกระตุ้นให้กระเพาะผลิตน้ำย่อยออกมามากขึ้น และกัดกระเพาะเราจนรู้สึกแสบท้องและอาหารที่มีส่วนผสมของช็อกโกแลตก็ต้องงดไปก่อน
3.น้ำอัดลม
น้ำอัดลมทุกชนิดก็มีคาเฟอีนผสมอยู่ในจำนวนไม่น้อย อีกทั้งในน้ำอัดลมยังมีแก๊สที่ส่งผลให้เกิดอาการแน่นท้องเนื่องจากแก๊สในกระเพาะเยอะ โดยเฉพาะคนที่ดื่มน้ำอัดลมในขณะท้องว่าง อาการแสบท้อง แน่นท้อง อันเป็นหนึ่งในอาการของโรคกระเพาะก็จะถามหาอย่างแน่นอนค่ะ
4.เครื่องดื่มชูกำลัง
เครื่องดื่มชูกำลังทุกชนิดมีส่วนผสมของคาเฟอีนอยู่เช่นกันค่ะ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยต่อกระเพาะอาหารก็ควรงดเครื่องดื่มชูกำลังไปก่อนนะคะ
5.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อเยื่อบุกระเพาะอาหาร ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหารจึงควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสุรา เบียร์ ไวน์
หรือค็อกเทลชนิดต่าง ๆ ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ถ้าไม่ยากทรมานคนที่เป็นโรคกระเพาะควรหยุดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปเลยค่ะ
6.อาหารที่มีไขมันสูงหรือของทอด
อาหารไขมันสูงเป็นอาหารที่ย่อยยาก ซึ่งก็จะส่งผลกระทบให้กับคนที่เป็นโรคกระเพาะรู้สึกแน่นท้อง ท้องอืด และแสบท้องเนื่องจากกรดในกระเพาะอาหารได้ ฉะนั้นของทอด อาหารมัน ๆ เนื้อสัตว์ติดมัน อาหารที่มีกะทิเป็นส่วนประกอบ จึงควรเลี่ยงไว้เป็นดีที่สุดค่ะ
7.ของหมักดอง
อาหารหมักดองทุกชนิดมีรสเปรี้ยวและมีความเป็นกรดซ่อนอยู่ในอาหารประเภทหมักดองและคนที่เป็นโรคกระเพาะอาหารจึงควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างมากเพราะอาหารประเภทหมักดองจะไปกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยทำให้กระเพาะเกิดการระคายเคืองได้
8.ผลิตภัณฑ์จากถั่ว
ถั่วและผลิตภัณฑ์จากถั่วทุกชนิดเป็นอาหารที่ก่อให้เกิดแก๊สในกระเพาะได้สำหรับคนที่เป็นโรคกระเพาะอาหารและอยากหาย แนะนำให้เลี่ยงผลิตภัณฑ์จากถั่วทุกชนิดไปก่อนเลยค่ะ
9.ผักดิบ
ผักเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายก็จริง แต่ผักบางชนิดอาจเพิ่มแก๊สในกระเพาะอาหารและทำให้โรคกระเพาะกำเริบได้ขึ้นมาได้ง่าย และคนที่เป็นโรคกระเพาะควรหลีกเลี่ยงผักดิบประเภท ถั่วฝักยาว บรอกโคลี กะหล่ำ หน่อไม้ฝรั่ง มันฝรั่ง มันเทศ และหัวหอมไปก่อนนะคะ
10.ผลไม้รสเปรี้ยว
คนที่เป็นโรคกระเพาะควรงดอาหารที่มีรสเปรี้ยว เช่น สับปะรด ส้ม หรือมะนาว เพราะความเป็นกรดในผลไม้เหล่านี้อาจทำให้กระเพาะอาหารระคายเคืองได้
11.เนื้อสัตว์สุก ๆ ดิบ ๆ
เนื้อสัตว์ทุกชนิดเป็นอาหารที่ย่อยยาก และหากกินเนื้อสัตว์แบบสุก ๆ ดิบ ๆ ก็จะทำให้กระเพาะย่อยได้ยากขึ้นและเสี่ยงทำให้กระเพาะเกิดการระคายเคืองได้ทางที่ดีควรงดทานเนื้อสัตว์ที่สุก ๆ ดิบดีกว่านะคะ
ใครที่เป็นโรคกระเพาะอยู่และไม่อยากจะทรมานก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารทั้ง 11 ชนิด ที่เราได้รวบรวมมาให้คุณ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ให้ทานในปริมาณที่น้อยลงเท่าที่คุณจะทำได้นะคะเพื่อผลดีของตัวคุณเองค่ะ
บทสรุป
โรคกระเพาะสามารถรักษาให้หายได้หากเรารักษาอย่างถูกวิธีและรับประทานยาที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และรับประทานอาหารให้ตรงเวลาเพียงเท่านี้ก็ทำให้คุณหายจากโรคกระเพาะได้แล้วค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก…
https://health.kapook.com/view186338.html